สุราษฎร์ธานี - น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมจังหวัดสุราษฎร์ธานีขยายพื้นที่เป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบ 3 อำเภอ ราษฎรได้รับความเดือดร้อนกว่า 2,000 ครัวเรือน ล่าสุด น้ำป่าล้นคลองไชยาทะลักเข้าท่วมวัดพระบรมธาตุไชยาวรวิหาร สูงกว่า 70 เซนติเมตร หลายฝ่ายหวั่นกระทบต่อองค์พระธาตุอาจเสียหาย ทางอำเภอเร่งสูบระบายน้ำแต่ยังไม่คืบ
จากสถานการณ์มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ล่าสุด วันนี้ (24 พ.ย.) น้ำป่าจากเทือกเขาในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง และน้ำป่าจากเทือกเขาเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ได้ไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ อำเภอท่าชนะ อำเภอไชยา และอำเภอกาญจนดิษฐ์แล้ว สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สรุปสถานการณ์ในเบื้องต้นมี 3 อำเภอ 14 ตำบล 77 หมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย ราษฎรได้รับความเดือดร้อนกว่า 2,000 ครัวเรือน ประมาณกว่า 8,000 คน ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เร่งให้ความช่วยเหลือแล้ว
นอกจากนั้น น้ำป่าจากเทือกเขาในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ได้ไหลล้นคลองไชยา ทะลักเข้าท่วมวัดพระบรมธาตุไชยาวรวิหาร ระดับน้ำท่วมขังตัวองค์พระธาตุสูงกว่า 70 เซนติเมตร ชาวบ้านเกรงหากปล่อยน้ำท่วมขังนานหวั่นฐานองค์พระธาตุอาจทรุดได้
นายสุริยันต์ จิรสัตย์สุนทร นายอำเภอไชยา กล่าวสรุปสถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอไชยา ว่า มีพื้นที่ประสพภัยแล้ว 14 หมู่บ้าน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้น้ำท่วมมากเนื่องจากฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลากเข้าพื้นที่ ประกอบกับการก่อสร้างกำแพงกั้นน้ำคลองไชยาที่ก่อสร้างด้วยงบประมาณ 40 ล้านบาท ยังไม่แล้วเสร็จ จึงทำให้กระแสน้ำป่าได้ไหลทะลักเข้าท่วมตัวองค์พระธาตุ หากน้ำท่วมขังนานอาจมีผลกระทบต่อตัวองค์พระธาตุ ในเบื้องต้น ได้ประสานทางจังหวัดให้เร่งส่งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาสูบระบายน้ำลงสู่ทะเลแล้ว
ส่วนในสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมเขตเทศบาลตำบลท่าชนะ ระดับน้ำเริ่มลดลง คาดว่าถ้าฝนทิ้งช่วงสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ปกติในช่วงบ่ายของวันนี้ ส่วนการค้นหา ด.ช.การุณ มาวรรณ อายุ 8 ขวบ ที่ถูกกระแสน้ำพลัดจมหายที่บริเวณบ้านพักหน้าสถานีรถไฟท่าชนะ ยังไม่พบ ซึ่งทางผู้ปกครองคาดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว