ปัตตานี - ผู้ว่าฯ ปัตตานี เตือนประชาชนรับมืออุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม จากสภาวะฝนตกหนักระหว่างวันที่ 7-9 พ.ย.นี้ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเขื่อน ฝาย อ่าง และคันกั้นน้ำ และใช้ประโยชน์จาก “มิสเตอร์เตือนภัย” เพื่อเตรียมการช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที
นายวิทยา พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า จังหวัดปัตตานี ได้รับแจ้งจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ติดตามตรวจสอบสภาวะอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าระหว่างวันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2556 ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ จะมีกำลังแรง ประกอบกับมีพายุหมุนเขตร้อนก่อตัว และเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมทะเลจีนใต้ อาจจะเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ทำให้พื้นที่ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนึกมากบางพื้นที่ คลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงในระยะนี้ด้วย
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม จากสภาวะฝนตกหนัก อาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ได้ จังหวัดปัตตานี จึงขอให้อำเภอต่างๆ ดำเนินการ ดังนี้
1.แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทะเล ที่ราบต่ำริมน้ำ ที่ลาดเชิงเขา และที่เสี่ยง ได้รับทราบเกี่ยวกับสภาวะฝนตกหนักที่อาจจะทำให้น้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง คลื่นซัดฝั่งรุนแรง ทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนได้ ขอให้ประชาชนเตรียมการป้องกันและระมัดระวังอันตรายอันเกิดจากภัยธรรมชาติ ในระยะ 2-3 วันนี้ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำท้องถิ่น อาสาสมัครในพื้นที่ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบข่าวสาร และฟังข่าวสารต่างๆ ทางวิทยุกระจายเสียงประจำท้องถิ่น เสียงตามสาย และเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ และเคเบิลทีวีท้องถิ่น สำหรับชาวเรือ และชาวประมง ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ เรือเล็กงดออกจากฝั่งในระยะนี้
2.ให้นายอำเภอ กำชับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเขื่อน ฝาย อ่าง และคันกั้นน้ำ รวมทั้งพื้นที่ของเอกชน ถ้าไม่มีความมั่นคงแข็งแรง อาจเกิดอันตรายให้รีบทำการแก้ไขโดยด่วน การปฏิบัติงานเฝ้าระวังเตรียมรับสถานการณ์ และให้พิจารณาใช้ประโยชน์จาก “มิสเตอร์เตือนภัย” ที่ประจำอยู่ในหมู่บ้านพื้นที่เสี่ยงภัย แจ้งข้อมูลสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ให้ศูนย์อำนวยเฉพาะกิจฯ ทราบโดยเร็ว เพื่อดำเนินการช่วยเหลือประชาชนได้ทันต่อเหตุการณ์
3.ดำเนินการตามขั้นตอนของแผนป้องกันฯ อำเภอ ให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที หากพื้นที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์รุนแรงให้อพยพประชาชนไปในที่ปลอดภัย
4.รายงานสถานการณ์ และการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจจังหวัดทราบทุกระยะ
