ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าฯ ภูเก็ต นำทีมลงพื้นที่ตรวจจระเข้ที่โผล่บนผิวน้ำที่บริเวณชายหาดไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เบื้องต้นคาดเป็นจระเข้น้ำกร่อยที่อยู่ในพรุเจ๊ะสัน พร้อมสั่งให้ผู้ประกอบการโรงแรมในหาดไม้ขาวประชาสัมพันธ์ไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำทะเลในระยะนี้
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (4 พ.ย.) นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายเกษม สุขวารี ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต นายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (ภูเก็ต) นายสุรชาญ สารบัญ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและติดตามทรัพยากร ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติและพื้นที่คุ้มครองทางทะเลจังหวัดภูเก็ต พ.ต.ต.อุมรัมพร ขุนเดชสัมฤทธิ์ สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ตลอดจนเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบบริเวณพื้นที่ชายหาดไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งมีการระบุว่า พบเห็นจระเข้โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ โดยใช้กล้องส่องนกตาเดียวส่องไปตามแนวชายหาด แต่ปรากฏว่าไม่พบจระเข้แต่อย่างใด
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การลงพื้นที่ดังกล่าวเพื่อมาตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากที่มีข่าวปรากฏตามสื่อต่างๆ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีโรงแรมที่พักประมาณ 5-6 โรงแรม จากการตรวจสอบเบื้องต้นยืนยันว่า สิ่งที่ชาวประมงเห็นนั้นเป็นจระเข้จริง เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นจระเข้น้ำกร่อยซึ่งน่าจะมาจากพรุเจ๊ะสันที่อยู่ห่างจากชายหาดไปประมาณ 300-400 เมตร
และจากการสอบถามไปยังผู้ประกอบการโรงแรมทราบว่า ได้มีการแจ้งให้นักท่องเที่ยวทราบแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้มีการตื่นตระหนกแต่อย่างใด เพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ และความหลากหลายของพื้นที่ แต่เบื้องต้นได้ขอความร่วมมือไม่ให้นักท่องเที่ยวลงไปเล่นน้ำทะเลในระยะนี้
นายไมตรี กล่าวต่ออีกว่า เนื่องจากกล้องส่องที่ทางเจ้าหน้าที่นำมาใช้มีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ จึงยังไม่สามารถที่จะจำแนกประเภทของจระเข้ดังกล่าวได้ชัดเจน ซึ่งในระยะนี้ก็คงต้องให้มีการติดตาม และเฝ้าระวัง หากพบก็จะต้องช่วยกันนำกลับเข้ามาไว้บริเวณพรุดังกล่าว ซึ่งจากการสอบถามทางเจ้าหน้าบอกว่า หากเป็นจระเข้น้ำกร่อยนั้นก็จะไม่ทำอันตรายผู้คน และจะกลัวเสียงดัง ไม่ชอบความพลุกพล่าน สันนิษฐานว่า เป็นจระเข้ที่มาจากพรุ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีพรุขนาดใหญ่ แต่ภายหลังมีการพัฒนาด้านที่อยู่อาศัย และมีการตัดถนนเข้ามาในพื้นที่ทำให้มีการตัดพรุออกเป็นขนาดต่างๆ รวมแล้วประมาณ 10 พรุ ซึ่งแต่ละพรุก็จะมีรอยต่อ และมีส่วนเชื่อมไปจนถึงทะเล จึงเป็นไปได้ว่าจระเข้ที่อยู่ภายในพรุได้ออกมาตามร่องน้ำที่มีอยู่
ด้านนายสุรชาญ สารบัญ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและติดตามทรัพยากร ศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งจากชาวประมงในพื้นที่ก็ได้มาตั้งกล้องส่อง และแจ้งให้เครือข่ายชาวบ้านที่เป็นกลุ่มอนุรักษ์ช่วยเฝ้าสังเกตการณ์ ซึ่งนับตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา จนถึงช่วงบ่ายวันนี้ (4 พ.ย.) ก็ยังไม่พบว่ามีการปรากฏตัวของจระเข้ดังกล่าวอีกเลย จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ทราบว่า เคยมีการพบเห็นจระเข้อยู่ภายในพรุเมื่อประมาณ 40-50 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็ต้องมีการติดตาม และสังเกตการณ์ไปอีกสักระยะหนึ่ง