xs
xsm
sm
md
lg

แม่โวย!ลูกชายถูกวิสามัญมีเงื่อนงำเหตุยิงปะทะทุงยางแดง ผกก.ชี้ส่งทนายค้านได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
ปัตตานี - แม่และญาติโวย จนท.ที่วิสามัญผู้ต้องหา 3 รายจากเหตุปะทะกันใน อ.ทุ่งยางแดง เมื่อวันที่ 15 ต.ค.56 ที่ผ่านมา สงสัย จนท.อ้างวิสามัญ เผยก่อนหน้านั้นลูกชายถูกควบคุมตัวต่อหน้าแม่ แต่มารู้อีกทีกลายเป็นศพไร้ญาติอยู่ที่ รพ.โต๊ะครูผู้อาบน้ำศพให้ผู้ตายระบุ ด้านหลังศรีษะกะโหลกยุบจากการถูกทรมานก่อนถูกยิง

วันนี้ (1 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับความคืบหน้าของเหตุปิดล้อมและเกิดเหตุปะทะกันในพื้นที่ ม.2 ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้วิสามัญคนร้าย เสียชีวิต 3 ราย และควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้อีก 1 ราย นำไปเข้าสู่กระบวนการสอบสวนที่ กรมทหารพราน 41 ค่ายวังพญา อ.รามัน จ.ยะลา หลังจากพบว่ามีหมายจับ พ.ร.ก.ในพื้นที่ หลายหมาย ส่วนศพผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ที่ถูกวิสามัญนั้นทางญาติได้นำไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว ส่วนอาวุธปืนที่พบในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นปืนพกของผู้ตายที่ใช้ยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ในระหว่างหลบหนีการจับกุม พบว่าเป็นอาวุธปืนที่ไม่ได้อยู่ในสารบบทะเบียนอาวุธปืนหรือเรียกว่าอาวุธปืนเถื่อน

ด้าน พ.ต.อ.โกวิทย์ รัตนโชติ ผกก.สภ.ทุ่งยางแดง กล่าวว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนจากญาติผู้เสียหาย เพื่อนำสำนวนสอบสวนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนั้น เพื่อรวบรวมส่งให้พนักงานอัยการจังหวัด ส่งฟ้องศาลตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ส่วนกรณีญาติติดใจกับเหตุการเสียชีวิตจากการวิสามัญของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ โดยอ้างว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวลูกชายแล้วนำไปยิงจนเสียชีวิตแล้วอ้างว่าเป็นการวิสามัญนั้น ทางญาติก็สามารถให้ทนายร้องคัดค้านในชั้นศาลได้ เพื่อให้มีการไต่สวน

ในส่วนของพนักงานสอบสวนขณะนี้ได้เรียกพยานผู้เสียหายมาให้การให้กับทางพนักงานสอบสวนโดยมีเจ้าพนักงานอัยการจังหวัดปัตตานีร่วมสอบ โดยมีญาติของนายอับดุลอาซิ สะอิ ซึ่งเป็นคนร้ายที่ถูกวิสามัญรายที่ 3 หลังจากถูกวิสามัญก่อนหน้านั้นมาแล้ว 2 ราย ได้ติดใจกับการตายในครั้งนั้น ส่วนศพอีก 2 รายนั้นขณะนี้ญาติไม่ติดใจกับการสูญเสียแต่อย่างใด และอยู่ระหว่างติดต่อญาติเพื่อมาให้ปากคำในฐานะญาติผู้ตายเป็นไปตามข้อกฎหมาย

ในส่วนของญาติที่ติดใจกับการเสียชีวิตจากการวิสามัญในครั้งนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้นำพยานของญาติผู้ตายไปให้ปากคำต่อหน้าเจ้าพนักงานจังหวัด มาแล้ว 4 คน และพร้อมที่นำสอบพยานเพิ่มเติม ถ้าฝ่ายญาติคิดว่าต้องการให้เพิ่ม ทางพนักงานสอบสวนพร้อมที่จะเรียกสอบให้ปากคำเสมอ เพราะเราพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย

ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคดีสำคัญ ของสำนักงาน ศปก.ตร.ส่วนหน้า จังหวัดยะลา พร้อมกำลังทหารพรานที่ 41 ค่ายวังพญา อ.รามัน จ.ยะลา ทางพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือเรียกมาให้ปากคำต่อเจ้าพนักงานตามความเป็นจริง แต่เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการลาพัก ซึ่งคาดว่าภายในไม่เกินต้นเดือนพฤศจิกายนนี้คงสามารถให้การได้ เนื่องจากยังพอมีเวลาที่จะให้ปากคำ

ส่วนผลการชันสูตรพลิกศพของผู้ตายทั้ง 3 คนทางพนักงานสอบสวนได้นำสำนวนใบชันสูตรพลิกศพส่งยังโรงพยาบาลอำเภอทุ่งยางแดงและศูนย์นิติเวชเพื่อให้แพทย์ที่ชันสูตร ในที่เกิดเหตุและที่โรงพยาบาลในครั้งนั้นลงนามรับรอง ทุกอย่างต้องดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย

ส่วนบรรยากาศที่บ้านเลขที่ ถ บ้านบือราแง ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ของนางแยนะ สะอะ วัย 56 ปี เป็นไปอย่างเงียบเหงา หลังจากที่ลูกชายถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิต เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมาทั้งๆ ที่วันนั้นเป็นสำคัญของพี่น้องมุสลิมเนื่องในวันอีดิลอัฎฮา แต่เขาต้องกลับสูญเสียบุคคลที่รัก แล้วถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในคนร้ายที่เจ้าหน้าที่ได้มีการวิสามัญพร้อมกันถึง 3 ศพ นับตั้งแต่วันนั้นสภาพจิตใจของคนที่เป็นแม่กลับต้องเกิดความหวาดผวาตกใจเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ขับผ่านมาหน้าบ้าน เพราะยังคงนึกถึงภาพเหตุดังกล่าวในวันนั้นอย่างตรึงตา ยากที่ลืมเลือ
 
นางแยนะ สะอะ ได้เล่าเหตุการ์ในวันนั้นว่าเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.วันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีรถยนต์กระบะพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ทหารพราน หลายสิบนาย มีอาวุธครบมือเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้าน จากนั้นกำลังดังกล่าวได้เดินไปหลังบ้าน ได้ไม่นานได้ยินเสียงปืนดังขึ้น แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น หลังจากเสียงปืนสงบลงได้มีเจ้าหน้าที่เรียกให้คนที่อยู่ในบ้านในระแวกนั้นลงมาทั้งหมด เพื่อมารวมกันไว้ ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน ตนจึงรีบไปปลูก "นายอับดุลอาซิ สาและ"ลูกชายที่กำลังนอนอยู่ภายในบ้าน แต่ถูกลูกชายปฏิเสธว่าลงไปทำไมเรานอนอยู่ในบ้านดีแล้ว แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้พยายามเรียกให้ทุกคนลงออกจากบ้าน จึงได้ปลุกลูกชายให้ตื่นเพื่อออกจากบ้าน

ในระหว่างที่เดินจากบ้านเพื่อไปที่บ้านที่เจ้าหน้าที่ให้ชาวบ้านรวมไปอยู่นั้น ถูกเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านล็อกแขนแล้วควบคุมตัวไปอย่างบ้านเรือนด้านขวามือ ได้ประมาณ 20 นาที จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวลูกชายมาตรวจค้นบ้านของตน นานหลายนาที แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงนำลูกชายลงจากบ้าน ตนจึงได้ขอตัวลูกชายจากเจ้าหน้าที่ในขณะนั้น จนเกิดการยื้อแย่งตัวลูกชายกับเจ้าหน้าที่พอสมควร แต่เจ้าหน้าที่กลับกันตนไม่ให้เข้าชิดกับลูก และต้อนตัวเองให้ไปรวมอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำลูกชายพาตรวจค้นบ้านหลังอื่นด้านขวามือบ้าน ก่อนที่ลูกชายจะหายไปอย่างไร้วี่แวว 
นางแยนะ ยังกล่าวอีกว่าหลังจากที่เจ้าหน้าที่พาลูกชายไปในขณะนั้นตนคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเจ้าหน้าที่คงพาลูกชายไปสอบที่ศูนย์ซักถามที่ค่ายวังพญา กรมทหาร 41 อ.รามัน จ.ยะลา ตนจึงได้ให้ลูกชายอีกคน พาผู้ช่วยผู้ใหญ่ไปตามหาลูกชายว่าอยู่ที่ค่ายวังพญา แต่กลับถูกยืนยันว่าไม่ได้นำมาที่นั้น ทำให้ตนเริ่มสงสัยในความปลอดภัยของลูกชาย

จนกระทั่งได้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนและไม่คิดว่ามันจะเกิดกับลูกชายของตนหลังจากเวลาประมาณ 5 ทุ่มของวันเดียว ที่โรงพยาบาลอำเภอทุ่งยางแดง มีผู้เสียชีวิตถูกเจ้าหน้าทีวิสามัญเสียชีวิตเป็นศพไร้ญาติ เพราะศพอีก 2 คน นั้นได้มีญาติมารับศพเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา จึงให้ลูกชายไปดูอีกทีที่โรงพยาบาลอำเภอทุ่งยางแดง เมื่อมาถึงและได้เข้าดูปรากฏว่าศพนั้นเป็นลูกชายจริง สร้างความสลดใจเป็นอย่างมากว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เพราะไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเจ้าหน้าที่จะทำการทารุณกรรมกับลูกชาย จากนั้นจึงได้ไปรับศพลูกชายกลับมาบ้าน เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาท่ามกลางความโศกเศร้าและเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวบ้านถึงการตายในครั้งนี้

ด้านนายมาหามะเปาลี กือจิ โต๊ะครูปอเนาะบ้านน้ำดำ กล่าวว่าจากการอาบน้ำศพนายอับดุลอาซิ สาและ ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตนั้น พบมีร่องรอยของการซ้อมทรมาน ก่อนที่จะถูกยิงจนเสียชีวิต เพราะพบมีบาดแผลรอยถูกทรมาน โดยเฉพาะในส่วนของศีรษะด้านหลังมีรอยกะโหลกยุบเหมือนถูกทุบด้วยของแข็ง จึงไม่ทราบว่าถ้าถูกยิงทำไมศีรษะส่วนหลังไม่พบบาดแผลแต่กลับยุบ จึงทำให้สังคมเข้าใจว่าศพน่าจะถูกทรมานก่อนที่จะถูกยิงจนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องควรให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ มิฉะนั้นจะถูกสังคมประนามต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐต่อพี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มอีกเรื่อง
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น