ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจ สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต ตามอายัดตัวผู้ต้องหาต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธชิงทรัพย์เจ้าของร้านขายยาที่ จ.สตูล หลังสืบทราบว่าเป็นคนร้ายที่เคยก่อเหตุใช้อาวุธปืนปลอมจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ซอยปราถนา ได้เงินสดไป 20,000 บาท รับสารภาพทำเพราะเงินเดือนไม่พอใช้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (29 ต.ค.) พ.ต.อ.กฤตภาส เดชอินทรศร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ซอยปราถนา หมู่ 10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งคนร้ายได้เงินสดไป จำนวน 20,000 บาท ว่า จากกรณีเมื่อเวลา 01.52 น. วันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่า มีคนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์พนักงานร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ซ.ปรารถนา ถ.เจ้าฟ้าตะวันตก ม. 10 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต โดยคนร้ายเป็นผู้ชาย อายุประมาณ 20-25 ปี สวมเสื้อแจ็กเกตสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีเทา พับขากางเกง สวมหมวกกันน็อกเต็มใบแบบมีหน้ากาก เดินเข้ามา และตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ และชักปืนออกมาจากเอวจี้บังคับพนักงานให้หยิบเงินให้ เมื่อได้เงินแล้วคนร้ายได้เดินออกมาขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้หน้าร้านขับหลบหนีไป
หลังเกิดเหตุภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธร ผู้กับการสถานีตำรวจภูธรฉลอง รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรฉลอง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ฉลอง และชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำโดย พ.ต.ท.วิฐชาคม คำจำปา รอง ผกก.สส.สภ.ฉลอง เร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย ซึ่งจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด เสื้อแจ็กเกตที่คนร้ายสวมใส่ในวันที่เกิดเหตุ และพยานบุคคล ทำให้สามารถสเกตช์ภาพคนร้ายออกมาได้ และจากการตรวจสอบเสื้อพบว่าเป็นเสื้อของบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำประวัติ รปภ.ของบริษัทยามดังกล่าวซึ่งมีประมาณ 200 คน มาตรวจวิเคราะห์ ซึ่งพบว่าคนที่น่าจะเข้าข่ายการกระทำความผิดในครั้งนี้น่าจะเป็น นายอิทธิพล แซ่เต อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 3 ต.เกตรี อ.เมือง จ.สตูล ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เฝ้าติดตามสืบสวนหาตัว
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนปลอมพยายามจี้ชิงทรัพย์ร้านขายยา “คลินิกยาบ้านคลองขุด” เลขที่ 265 ม.7 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล โดยคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ น.ส.ณภัคมนต์ ลักษณะ อายุ 28 ปี เจ้าของร้านเอาเงินส่งให้ แต่ น.ส.ณภัคมนต์ สังเกตเห็นว่าปืนที่นายอิทธิพล นำมาจี้เป็นปืนปลอม จึงได้ตรงเข้ากระชากคอเสื้อคนร้าย พร้อมทั้งเรียกเพื่อนบ้านให้ช่วย และสามารถจับกุมตัวไว้ได้ทราบชื่อคือ นายอิทธิพล แซ่เต อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 3 ต.เกตรี อ.เมือง จ.สตูล หลังจากทราบว่า ผู้ต้องหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสตูล ควบคุมตัวได้มีลักษณะคล้ายกับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ร้านเซเว่นฯ ที่ซอยปราถนา ต.ฉลอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ประสาน และส่งข้อมูลให้แก่ทางชุดสืบสวน สภ.เมืองสตูล เพื่อตรวจสอบ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ฉลอง นำโดย พ.ต.ท.วิฐชาคม คำจำปา รอง ผกก.สส.สภ.ฉลอง เดินทางไปสอบสวนผู้ต้องหาซึ่งถูกควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำจังหวัดสตูลทันที
โดยการเดินทางไปในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำเสื้อแจ็กเกต และหมวกกันน็อกที่คนร้ายใช้สวมใส่ในคืนเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ที่บ้านของบิดาของผู้ต้องหาไปให้ผู้ต้องหาดูด้วย และจากการสอบสวนในเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นคนร้ายที่ก่อเหตุจริงเพื่อต้องการเงินมาใช้จ่าย เนื่องจากงานที่ทำอยู่เป็นงานรับจ้างทั่วไปทำให้เงินไม่พอใช้จ่าย ส่วนเสื้อแจ็กเกตที่สวมใส่ในวันที่ก่อเหตุนั้นเป็นเสื้อของตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยทำงานอยู่ที่บริษัทรักษาความปลอดภัยดังกล่าว แต่ลาออกมาแล้ว 4-5 เดือน และมาทำงานรับจ้างทั่วไป
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (29 ต.ค.) พ.ต.อ.กฤตภาส เดชอินทรศร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ซอยปราถนา หมู่ 10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งคนร้ายได้เงินสดไป จำนวน 20,000 บาท ว่า จากกรณีเมื่อเวลา 01.52 น. วันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่า มีคนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์พนักงานร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ซ.ปรารถนา ถ.เจ้าฟ้าตะวันตก ม. 10 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต โดยคนร้ายเป็นผู้ชาย อายุประมาณ 20-25 ปี สวมเสื้อแจ็กเกตสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีเทา พับขากางเกง สวมหมวกกันน็อกเต็มใบแบบมีหน้ากาก เดินเข้ามา และตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ และชักปืนออกมาจากเอวจี้บังคับพนักงานให้หยิบเงินให้ เมื่อได้เงินแล้วคนร้ายได้เดินออกมาขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้หน้าร้านขับหลบหนีไป
หลังเกิดเหตุภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รองผู้บังคับการตำรวจภูธร ผู้กับการสถานีตำรวจภูธรฉลอง รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรฉลอง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ฉลอง และชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำโดย พ.ต.ท.วิฐชาคม คำจำปา รอง ผกก.สส.สภ.ฉลอง เร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย ซึ่งจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด เสื้อแจ็กเกตที่คนร้ายสวมใส่ในวันที่เกิดเหตุ และพยานบุคคล ทำให้สามารถสเกตช์ภาพคนร้ายออกมาได้ และจากการตรวจสอบเสื้อพบว่าเป็นเสื้อของบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำประวัติ รปภ.ของบริษัทยามดังกล่าวซึ่งมีประมาณ 200 คน มาตรวจวิเคราะห์ ซึ่งพบว่าคนที่น่าจะเข้าข่ายการกระทำความผิดในครั้งนี้น่าจะเป็น นายอิทธิพล แซ่เต อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 3 ต.เกตรี อ.เมือง จ.สตูล ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เฝ้าติดตามสืบสวนหาตัว
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนปลอมพยายามจี้ชิงทรัพย์ร้านขายยา “คลินิกยาบ้านคลองขุด” เลขที่ 265 ม.7 ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล โดยคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ น.ส.ณภัคมนต์ ลักษณะ อายุ 28 ปี เจ้าของร้านเอาเงินส่งให้ แต่ น.ส.ณภัคมนต์ สังเกตเห็นว่าปืนที่นายอิทธิพล นำมาจี้เป็นปืนปลอม จึงได้ตรงเข้ากระชากคอเสื้อคนร้าย พร้อมทั้งเรียกเพื่อนบ้านให้ช่วย และสามารถจับกุมตัวไว้ได้ทราบชื่อคือ นายอิทธิพล แซ่เต อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 3 ต.เกตรี อ.เมือง จ.สตูล หลังจากทราบว่า ผู้ต้องหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสตูล ควบคุมตัวได้มีลักษณะคล้ายกับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ร้านเซเว่นฯ ที่ซอยปราถนา ต.ฉลอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ประสาน และส่งข้อมูลให้แก่ทางชุดสืบสวน สภ.เมืองสตูล เพื่อตรวจสอบ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ฉลอง นำโดย พ.ต.ท.วิฐชาคม คำจำปา รอง ผกก.สส.สภ.ฉลอง เดินทางไปสอบสวนผู้ต้องหาซึ่งถูกควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำจังหวัดสตูลทันที
โดยการเดินทางไปในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำเสื้อแจ็กเกต และหมวกกันน็อกที่คนร้ายใช้สวมใส่ในคืนเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ที่บ้านของบิดาของผู้ต้องหาไปให้ผู้ต้องหาดูด้วย และจากการสอบสวนในเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นคนร้ายที่ก่อเหตุจริงเพื่อต้องการเงินมาใช้จ่าย เนื่องจากงานที่ทำอยู่เป็นงานรับจ้างทั่วไปทำให้เงินไม่พอใช้จ่าย ส่วนเสื้อแจ็กเกตที่สวมใส่ในวันที่ก่อเหตุนั้นเป็นเสื้อของตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยทำงานอยู่ที่บริษัทรักษาความปลอดภัยดังกล่าว แต่ลาออกมาแล้ว 4-5 เดือน และมาทำงานรับจ้างทั่วไป