นครศรีธรรมราช - วัยรุ่นเมืองนครศรีฯ ยิงคู่อริ 2 พี่น้องดับ 1 ขณะอยู่ในงานทำบุญฉลองงานชักพระ ขณะ 2 พี่น้องกำลังเต้นรำอยู่หน้าเวทีได้ไปกระทบกระทั่งกับอริจนมีการชกต่อยกัน ก่อนคู่อริจะสาดกระสุนใส่ 2 พี่น้องด้านหลังเวที เจ็บสาหัส แล้วเสียชิวิตที่โรงพยาบาล 1 คน
เมื่อเวลา 01.00 น. วันนี้ (22 ต.ค.) พ.ต.ท.อาคม จอนนุ้ย พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุยิงกันที่หลังเวทีรำวงเวียนครก ในงานฉลองทำบุญชักพระ วัดสวนป่าน ถ.ศรีธรรมราช ต.ในเมือง อ.เมือง รับแจ้งแล้วจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น รับแจ้งแล้วจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมือง พ.ต.ท.วุฒิพงษ์ ฐิติสโรช รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ รอง ผกก.สส. นำกำลังตำรวจชุดสอบสวน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบว่าอยู่ด้านหลังเวทีดนตรีรำวงเวียนครก อยู่บริเวณหลังวัดสวนป่าน พบผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 คนพี่น้อง อยู่กลางวงล้อมของคนจำนวนมาก ทราบชื่อคนเจ็บ นายพัฒนพงศ์ อัศดงษ์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106/2 ถ.ศรีธรรมโศก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่เข่าด้านซ้าย 2 แผล และนายทรงยศ อัศดงษ์ อายุ 31 ปี น้องชาย นายพัฒนพงศ์ ถูกยิงที่แขนด้านซ้าย 2 แผล ชายโครงซ้าย 1 แผล และชายโครงขวา 2 แผล จึงรีบนำส่ง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ก่อนนายทรงยศ จะเสียชีวิตที่ รพ.ในเวลาต่อมา
ก่อนเกิดเหตุ นายทรงยศ ผู้ตายพร้อมกับนายพัฒนพงษ์ 2 พี่น้อง ได้ไปร่วมงานทำบุญฉลองงานชักพระกันที่เกิดเหตุ ซึ่งมีชาวบ้านมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก โดยมีการตั้งเวทีดนตรีรำวงเวียนครกเพื่อให้ผู้มาร่วมงานสนุกกัน ขณะที่ 2 พี่น้องกำลังเต้นรำอยู่หน้าเวทีได้ไปกระทบกระทั่งกับอริจนมีการชกต่อยกัน ก่อนอริซึ่งพกอาวุธปืนติดตัวมาด้วยได้ชักปืนออกมา เมื่อเห็นปืน 2 พี่น้องวิ่งหนีไปหลังเวที แต่มือปืนตามทันยิงใส่ 2 พี่น้องอย่างไม่ยั้งก่อนวิ่งหลบหนีไป
ส่วนสาเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนทราบว่า มาจากทะเลาะวิวาท ซึ่งระหว่างผู้ตายกับคนร้ายนั้นเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เมื่อมาเจอกันในงานทำบุญชักพระกลับทะเลาะกันอีก ก่อนจะมีการก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบแล้วว่ามือปืนเป็นใคร เนื่องจากก่อเหตุในขณะที่มีคนร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยจะเร่งทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกติดตามมือปืนรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย และหลังจากเจ้าหน้าที่ร่วมกันชันสูตรพลิกศพเสร็จแล้วจึงมอบให้แก่ญาตินำไปจัดการตามประเพณีต่อไป