ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าของสถานบันเทิงหาดป่าตอง จับมือประสานเสียงออกหน้าโต้ยันไม่เคยจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐ ร้องขอความเป็นธรรมสื่อให้ถามข้อมูลจากผู้ประกอบการตัวจริง ส่วนการสนับสนุนภาครัฐผู้ประกอบการยินดีสนับสนุนต่อเนื่อง เพราะเป็นการสนับสนุนด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ผิดกฎหมาย
เมื่อเร็วๆ นี้ นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ผู้บริหารสถานบันเทิงแห่งบริหารชายหาดป่าตอง พร้อมด้วย นายตัม อ่อนแก้ว เจ้าของสถานบันเทิงละโว้ผับ บริเวณซอยตัว นาย STEVE BIKINI เจ้าของสถานบันเทิง Beach Ba นายราชิต ทองมากกุล ประธานชมรมโรงแรมป่าตอง และผู้ประกอบการสถานบันเทิงบริเวณซอยบางลา และซอยตันจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันแถลงชี้แจงกรณีมีการออกมาเปิดเผยมีกลุ่มคนมีจำนวนมากกว่า 17 หน่วยงาน เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง จากที่ได้รับทราบข้อมูลพบว่า บุคคลดังกล่าวมีปัญหากับข้าราชการคนหนึ่ง และมีเรื่องร้องเรียนกันไปมา ซึ่งการออกมาพูดดังกล่าวถือว่าเป็นการพูดเป็นความไม่จริง เพราะเรื่องการเรียกเก็บผลประโยชน์มีการพูดกันมาเป็น 100 ปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันก็ได้แก้ปัญหาไปได้ค่อนข้างมาก และตำรวจยุคใหม่ก็ได้มีการปฎิรูป และปรับตัวอยู่ตลอดเวลา
โดยนายปรีชาวุฒิ กล่าวว่า ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการซึ่งเป็นเจ้าของสถานบันเทิงที่แท้จริงไม่มีการจ่ายผลประโยชน์ให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐแต่อย่างใด ส่วนคนที่บอกว่ามีการจ่ายก็ไม่รู้ว่าไปจ่ายให้ใคร เพราะไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่หน่วยงานที่ถูกกล่าวหาด้วย และไม่อยากให้คนที่ไม่ได้ทำธุรกิจในป่าตอง และไม่ใช่นักกิจกรรมไปให้ข้อมูลผิดๆ ต่อสื่อมวลชน ซึ่งออกข่าวไปแล้วโดยที่ไม่มีการสอบถามกับผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของตัวจริง ทำให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบในวงกว้าง ส่วนเรื่องของการรับส่วยมีจริงหรือไม่นั้นในส่วนของพวกตนยืนยันว่าไม่เคยจ่ายส่วนแต่อย่างใด แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนซึ่งนายหลายปีมาแล้วเรื่องนี้มีเกิดขึ้นจริง
อย่างไรก็ตาม ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ประกอบการมีความเข้าใจมากขึ้น และมีการอะลุ่มอล่วยในสิ่งที่สามารถทำได้ ในขณะที่ผู้ประกอบการเองก็ให้ความร่วมมือ และพยายามที่จะทำให้ถูกกฎหมายให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัย การปรับปรุงสถานที่บริการให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการเฝ้าระวังเรื่องยาเสพติด เรื่องของเด็กที่มีอายุต่ำกว่ากฎหมายกำหนด รวมทั้งได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจัดตั้งเซฟตี้โซนในการร่วมดูแลรักษาความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยว เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย
ดังนั้น จึงอยากฝากไปยังผู้ที่ต้องการจะออกมาเปิดเผยในเรื่องดังกล่าว หากมีความบริสุทธิ์ใจจริง ก็ขอให้ตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึก และมาสอบถามจากพวกตนซึ่งเป็นเจ้าของสถานประกอบการตัวจริง ฉะนั้นข่าวที่ออกไปโดยที่ไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริง หรือการไปกล่าวหาหน่วยใดหน่วยงานหนึ่ง จะต้องถามให้ชัดเจนว่าใช่หรือไม่ใช่ และให้ความเป็นธรรมแก่หน่วยงานที่ถูกกล่าวหาด้วย หากไม่ใช่ก็จะเกิดความเสียหาย และคนที่ไปร้องผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หรือนายกฯ เขาก็จะเดือดร้อนไปด้วย
นายปรีชาวุฒิ กล่าวต่อไปว่า “ตนอยากถามกลับไปว่า หากที่นี่ไม่มีตำรวจแล้วความปลอดภัย หรือความสงบเรียบร้อยจะเกิดขึ้นได้อย่างไร รวมไปถึงเรื่องความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวด้วย ส่วนจะมีการจ่ายกันหรือไม่ไม่ยืนยัน จะไม่ขายใคร และไม่แฉเพื่อน ส่วนของตนที่ผ่านมามีการมาขอสนับสนุนเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งก็ให้ด้วยความเต็มใจไม่มีใครมาบีบบังคับ และการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของหน่วยงานรัฐก็ไม่น่าจะผิดกฎหมาย ที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญของบ้านเมืองนี้ โดยเฉพาะป่าตอง เพราะเป็นผู้ที่ทำให้เกิดความปลอดภัย และเกิดความเชื่อมั่น”
อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาเรื่องส่วยนั้น ในส่วนของผู้ประกอบการซึ่งเป็นเจ้าของกิจการ จึงอยากออกมาเปิดเผยบ้าง เพราะเรื่องนี้ก็เหมือนกับเรื่องผี มีทั้งคนที่เชื่อว่ามี และคนที่ไม่เชื่อ สำหรับตนเชื่อว่าไม่มีการเรียกรับส่วย ที่ผ่านมา เป็นเรื่องของการให้การสนับสนุน ซึ่งไม่ผิดกฎหมายใดๆ และไม่มีกฎหมายใดห้ามไม่ให้สนับสนุนภาครัฐ ที่ผ่านมา มีการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ และผู้ประกอบการมาโดยตลอด และให้ความร่วมมือกันมาโดยตลอด เชื่อว่าคนที่พูดเรื่องน้าถ้ามีเจตนาบริสุทธิ์จะต้องมาพุดคุยกันก่อน การที่ทะเลาะกับใครบางคนแล้วลามไปถึงบุคคลอื่นคิดว่าไม่ถูกต้อง ในส่วนของการปรับปรุงสำหรับ สภ.กะทู้ มั่นใจว่ามีการปรับปรุงการทำงานตลอดเวลา จนทำให้มีตำรวจเก่งๆ เข้ามาอยู่ในพื้นที่จำนวนหลายนาย จึงอยากให้ผู้สื่อข่าวให้ความเป็นธรรมแก่ทางเจ้าหน้าที่หลายๆ ฝ่าย อย่าให้ความเป็นธรรมแค่เพียงกลุ่มเดียว ขอให้พวกตนซึ่งเป็นผู้ประกอบการตัวจริงออกมาพูดถึงจะยุติธรรม
ด้าน นายอนุชา จันทร์นาค เจ้าของ BTD (Bartending Bar) ซอยบางลา กล่าวถึงปัญหาเรื่องของการเรียกรับส่วยของทางเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้ ว่า ตัวเองเปิดให้บริการบาร์ดังกล่าวมาประมาณ 3-4 ปี แล้ว ที่ผ่านมายังไม่เคยถูกเจ้าหน้าที่มาเรียกรับส่วย หรือเรียกรับค่าคุ้มครองแต่อย่างใด และในการดำเนินกิจการก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลความปลอดภัยโดยตลอดก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ดำเนินกิจการไปตามปกติ ซึ่งในส่วนของตนนั้นยืนยันว่าที่ผ่านมายังไม่เคยจ่ายส่วยให้แก่หน่วยใดเลย
เมื่อเร็วๆ นี้ นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ผู้บริหารสถานบันเทิงแห่งบริหารชายหาดป่าตอง พร้อมด้วย นายตัม อ่อนแก้ว เจ้าของสถานบันเทิงละโว้ผับ บริเวณซอยตัว นาย STEVE BIKINI เจ้าของสถานบันเทิง Beach Ba นายราชิต ทองมากกุล ประธานชมรมโรงแรมป่าตอง และผู้ประกอบการสถานบันเทิงบริเวณซอยบางลา และซอยตันจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันแถลงชี้แจงกรณีมีการออกมาเปิดเผยมีกลุ่มคนมีจำนวนมากกว่า 17 หน่วยงาน เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง จากที่ได้รับทราบข้อมูลพบว่า บุคคลดังกล่าวมีปัญหากับข้าราชการคนหนึ่ง และมีเรื่องร้องเรียนกันไปมา ซึ่งการออกมาพูดดังกล่าวถือว่าเป็นการพูดเป็นความไม่จริง เพราะเรื่องการเรียกเก็บผลประโยชน์มีการพูดกันมาเป็น 100 ปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันก็ได้แก้ปัญหาไปได้ค่อนข้างมาก และตำรวจยุคใหม่ก็ได้มีการปฎิรูป และปรับตัวอยู่ตลอดเวลา
โดยนายปรีชาวุฒิ กล่าวว่า ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการซึ่งเป็นเจ้าของสถานบันเทิงที่แท้จริงไม่มีการจ่ายผลประโยชน์ให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐแต่อย่างใด ส่วนคนที่บอกว่ามีการจ่ายก็ไม่รู้ว่าไปจ่ายให้ใคร เพราะไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่หน่วยงานที่ถูกกล่าวหาด้วย และไม่อยากให้คนที่ไม่ได้ทำธุรกิจในป่าตอง และไม่ใช่นักกิจกรรมไปให้ข้อมูลผิดๆ ต่อสื่อมวลชน ซึ่งออกข่าวไปแล้วโดยที่ไม่มีการสอบถามกับผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของตัวจริง ทำให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบในวงกว้าง ส่วนเรื่องของการรับส่วยมีจริงหรือไม่นั้นในส่วนของพวกตนยืนยันว่าไม่เคยจ่ายส่วนแต่อย่างใด แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนซึ่งนายหลายปีมาแล้วเรื่องนี้มีเกิดขึ้นจริง
อย่างไรก็ตาม ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ประกอบการมีความเข้าใจมากขึ้น และมีการอะลุ่มอล่วยในสิ่งที่สามารถทำได้ ในขณะที่ผู้ประกอบการเองก็ให้ความร่วมมือ และพยายามที่จะทำให้ถูกกฎหมายให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัย การปรับปรุงสถานที่บริการให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการเฝ้าระวังเรื่องยาเสพติด เรื่องของเด็กที่มีอายุต่ำกว่ากฎหมายกำหนด รวมทั้งได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจัดตั้งเซฟตี้โซนในการร่วมดูแลรักษาความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยว เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย
ดังนั้น จึงอยากฝากไปยังผู้ที่ต้องการจะออกมาเปิดเผยในเรื่องดังกล่าว หากมีความบริสุทธิ์ใจจริง ก็ขอให้ตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึก และมาสอบถามจากพวกตนซึ่งเป็นเจ้าของสถานประกอบการตัวจริง ฉะนั้นข่าวที่ออกไปโดยที่ไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริง หรือการไปกล่าวหาหน่วยใดหน่วยงานหนึ่ง จะต้องถามให้ชัดเจนว่าใช่หรือไม่ใช่ และให้ความเป็นธรรมแก่หน่วยงานที่ถูกกล่าวหาด้วย หากไม่ใช่ก็จะเกิดความเสียหาย และคนที่ไปร้องผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หรือนายกฯ เขาก็จะเดือดร้อนไปด้วย
นายปรีชาวุฒิ กล่าวต่อไปว่า “ตนอยากถามกลับไปว่า หากที่นี่ไม่มีตำรวจแล้วความปลอดภัย หรือความสงบเรียบร้อยจะเกิดขึ้นได้อย่างไร รวมไปถึงเรื่องความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวด้วย ส่วนจะมีการจ่ายกันหรือไม่ไม่ยืนยัน จะไม่ขายใคร และไม่แฉเพื่อน ส่วนของตนที่ผ่านมามีการมาขอสนับสนุนเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งก็ให้ด้วยความเต็มใจไม่มีใครมาบีบบังคับ และการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของหน่วยงานรัฐก็ไม่น่าจะผิดกฎหมาย ที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญของบ้านเมืองนี้ โดยเฉพาะป่าตอง เพราะเป็นผู้ที่ทำให้เกิดความปลอดภัย และเกิดความเชื่อมั่น”
อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาเรื่องส่วยนั้น ในส่วนของผู้ประกอบการซึ่งเป็นเจ้าของกิจการ จึงอยากออกมาเปิดเผยบ้าง เพราะเรื่องนี้ก็เหมือนกับเรื่องผี มีทั้งคนที่เชื่อว่ามี และคนที่ไม่เชื่อ สำหรับตนเชื่อว่าไม่มีการเรียกรับส่วย ที่ผ่านมา เป็นเรื่องของการให้การสนับสนุน ซึ่งไม่ผิดกฎหมายใดๆ และไม่มีกฎหมายใดห้ามไม่ให้สนับสนุนภาครัฐ ที่ผ่านมา มีการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ และผู้ประกอบการมาโดยตลอด และให้ความร่วมมือกันมาโดยตลอด เชื่อว่าคนที่พูดเรื่องน้าถ้ามีเจตนาบริสุทธิ์จะต้องมาพุดคุยกันก่อน การที่ทะเลาะกับใครบางคนแล้วลามไปถึงบุคคลอื่นคิดว่าไม่ถูกต้อง ในส่วนของการปรับปรุงสำหรับ สภ.กะทู้ มั่นใจว่ามีการปรับปรุงการทำงานตลอดเวลา จนทำให้มีตำรวจเก่งๆ เข้ามาอยู่ในพื้นที่จำนวนหลายนาย จึงอยากให้ผู้สื่อข่าวให้ความเป็นธรรมแก่ทางเจ้าหน้าที่หลายๆ ฝ่าย อย่าให้ความเป็นธรรมแค่เพียงกลุ่มเดียว ขอให้พวกตนซึ่งเป็นผู้ประกอบการตัวจริงออกมาพูดถึงจะยุติธรรม
ด้าน นายอนุชา จันทร์นาค เจ้าของ BTD (Bartending Bar) ซอยบางลา กล่าวถึงปัญหาเรื่องของการเรียกรับส่วยของทางเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้ ว่า ตัวเองเปิดให้บริการบาร์ดังกล่าวมาประมาณ 3-4 ปี แล้ว ที่ผ่านมายังไม่เคยถูกเจ้าหน้าที่มาเรียกรับส่วย หรือเรียกรับค่าคุ้มครองแต่อย่างใด และในการดำเนินกิจการก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลความปลอดภัยโดยตลอดก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ดำเนินกิจการไปตามปกติ ซึ่งในส่วนของตนนั้นยืนยันว่าที่ผ่านมายังไม่เคยจ่ายส่วยให้แก่หน่วยใดเลย