xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ประกอบการแฉตำรวจ 17 หน่วย รีดส่วยป่าตองเดือนละ 10 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ประกอบการสถานบันเทิงป่าตอง เข้ายื่นหนังสือศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ภาคประชาชนอันดามัน ขอให้ส่งเรื่องต่อสำนักนายกฯ หลังถูก 17 หน่วยงานรัฐเรียกเก็บส่วยเดือนละ 10 ล้าน ซัด “จ่า ว.” สังกัดหน่วยงานหนึ่งในภูเก็ตเรียกเก็บส่วย อ้างส่งนาย เรียกร้องใช้พัทยาโมเดลแก้ปัญหานำสินบนเงินใต้โต๊ะมาไว้บนโต๊ะ พร้อมขอขยายเวลาปิดสถานบันเทิงถึงตี 4

เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (15 ต.ค.) นายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงป่าตอง เข้าพบนายชาติ จินดาพล ที่ปรึกษาผู้แทนการค้าไทย ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ภาคประชาชนอันดามัน ถ.ดำรง ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อยื่นหนังสือหนังขอให้พิจารณาขยายเวลาปิดสถานบันเทิงหาดป่าตอง และส่งข้อมูลร้องเรียนกรณี 17 หน่วยงานเรียกเก็บส่วยจากสถานบันเทิงในพื้นที่ป่าตอง ให้ดำเนินการส่งต่อถึงสำนักนายกรัฐมนตรี หลังผู้ประกอบการสถานบันเทิงในพื้นที่กว่า 300 ราย ได้รับความเดือดร้อน และทนพฤติกรรมดังกล่าวไม่ไหว

นายวีรวิทย์ เครือสมบัติ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงป่าตอง เปิดเผยว่า ในแต่ละเดือนทางผู้ประกอบการสถานบันเทิงในพื้นที่ป่าตอง ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ หรือส่วยให้แก่ 17 หน่วยงาน เป็นเงินจำนวนกว่า 10 ล้านบาท โดยบางหน่วยงานมีการแยกส่วนกันออกไปอีก แล้วส่งลูกน้อง หรือคนกลางมาคอยเก็บเงินซ้ำซ้อน ซึ่งหน่วยงานทั้ง 17 นี้เป็นกลุ่มคนมีสีทั้งหมด โดยจะมีการแต่งตั้งลูกน้อง หรือคนที่รู้จักเข้ามาเดินเก็บส่วย แบ่งเป็นแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ หากเป็นสถานบันเทิงดิสโก้เธคขนาดใหญ่ก็จะต้องจ่ายส่วยไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อเดือน ร้านบาร์เบียร์ขนาดกลางก็คิดเดือนละ 10,000 บาท ส่วนร้านขนาดเล็กก็จะจ่าย 3,000-3,500 บาทต่อเดือนต่อหน่วย จนทำให้เจ้าของ หรือผู้ประกอบการเริ่มทนไม่ไหว เนื่องจากต้องจ่ายส่วยจำนวนมาก แต่ต้องใช้งบประมาณเป็นทุนในการซื้อสินค้ามาจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวในราคาเท่าเดิม จนล่าสุด ขณะนี้มีสถานบันเทิง 2-3 แห่งในพื้นที่ป่าตอง ต้องปรับเปลี่ยนกลับไปทำธุรกิจร้านอาหารแทน เนื่องจากไม่ต้องการจ่ายส่วยให้แก่หน่วยงานดังกล่าว

นายวีรวิทย์ ยังกล่าวต่อว่า หากภาครัฐยังคงนิ่งเฉยไม่แก้ปัญหา ทางชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงอาจจะต้องใช้วิธีการปิดสถานบันเทิงในป่าตองพร้อมกันทั้งหมด เพื่อเรียกร้องให้แก้ปัญหาซึ่งการปิดสถานบันเทิงดังกล่าวจะทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถใช้บริการได้

ด้าน นายชาติ จินดาพล ที่ปรึกษาผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เดินทางเข้าพูดคุยกับผู้ใหญ่ภายในรัฐบาลเรื่องบูรณาการแหล่งท่องเที่ยวด้านทะเลฝั่งอันดามัน โดยจะพยายามเชื่อมโยงจังหวัดต่างๆ ให้เชื่อมต่อถึงกัน เพื่อเป็นการยกระดับการท่องเที่ยว ซึ่งในปัจจุบันก็ยังพบกับปัญหาเรื่องมาเฟีย หรือการเรียกเก็บส่วยจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐ จนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ภาคประชาชนอันดามัน จะทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเรียกเก็บผลประโยชน์ และจะยื่นหนังสือ และปัญหาถึงนายกรัฐมนตรี ให้เข้ามาดำเนินการจัดระเบียบ พร้อมแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง อีกทั้งจะยึดแนวทางพัทยาโมเดลเป็นหลัก คือ การนำส่วยขึ้นมาไว้บนโต๊ะเจรจา จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกิจต่อไปได้ ส่วนภาครัฐก็มีรายได้จากการเก็บภาษีมากขึ้น

พร้อมกันนี้ นายชาติ ยังกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้มีเพียง 13 หน่วยงาน ที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน แต่มีการพูดกันแบบปากต่อปากในหน่วยงานต่างๆ จนทำให้ปัจจุบันมีถึง 17 หน่วยงาน เข้ามาเก็บผลประโยชน์จนทุกวันนี้มั่วไปหมด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดหน่วยงานหนึ่งภูเก็ต ที่มีอักษรย่อว่า จ่า ว. จะทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล คอยเก็บส่วยตามสถานบันเทิงย่านถนนบางลา หาดป่าตอง โดยจะให้ลูกน้อง 4-5 คน แบ่งเส้นทางกันในแต่ละซอย ตามเก็บเงินสถานบันเทิงในแต่ละเดือน จนผู้ประกอบการทนไม่ไหว มิหนำซ้ำยังทราบมาว่า คนในกลุ่มนี้ยังมีการบุกรุกที่ดินในภูเก็ต แล้วอ้างว่ามีผู้ใหญ่หนุนหลัง ซึ่งเรื่องนี้กำลังยื่นหนังสือให้หน่วยงานในสังกัดเร่งตรวจสอบ


 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น