ท่ามกลางไฟใต้ที่ร้อนระอุอยู่ทุกวี่วัน “นราธิวาส” แม้ประชากรส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาอิสลาม แต่ก็ยังมีชาวพุทธ และชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่ร่วมกันเสมือนพี่น้องมาหลายสิบปี ต่างมีศาสนาไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองไว้เคารพบูชา หากแวะมาเมืองนราฯ อย่าลืมไปสักการะพระพุทธทักษิณมิ่งมงคล พระใหญ่แห่งแรกในภาคใต้ และองค์พระพิฆเนศที่มีสีสัน และรูปลักษณ์ประณีตสวยงามอย่างยิ่ง ชมวิหารองค์พ่อจตุคามรามเทพ และศาลหลักเมืองนราธิวาส
“นราธิวาส” เป็นคำที่ตั้งขึ้นใหม่ในปี พ.ศ.2458 แปลว่า ที่อยู่ของคนดี มาจากชื่อเดิมในภาษามลายูว่า มนารา หรือ มนารอ (Menara) ซึ่งมาจากคำเต็มว่า “กัวลา มนรา” (Kuala Menara)” ที่แปลว่า “กระโจมไฟ หรือหอคอยปากแม่น้ำ” เนื่องจากเป็นเมืองชายฝั่งตะวันออกของแหลมมลายู อยู่ริมฝั่งทะเลอ่าวไทย ประกอบกับมีแม่น้ำสำคัญ 4 สาย คือ แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำบางนรา แม่น้ำตากใบ และแม่น้ำสุไหงโก-ลก
จังหวัดนราธิวาส ตั้งอยู่ตรงปลายสุดในแผนที่รูปด้ามขวานของประเทศไทย ติดกับชายแดนรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย แม้ว่าประชากรส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาอิสลาม แต่ก็ยังมีชาวไทยพุทธ และชาวไทยเชื้อสายจีน อาศัยอยู่ร่วมกันในพื้นที่มายาวนานหลายสิบปี และได้ร่วมกันสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้เคารพบูชาเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
โดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง และเป็นที่รู้จักกันดีว่า พระใหญ่แห่งภาคใต้ คือ พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ที่ถือว่า เป็นพระพุทธรูปประทับขัดสมาธิเพชร พระหัตถ์ขวายกจีบเสมอพระอุระ พระหัตถ์ซ้ายวางหงาย ประดิษฐานกลางแจ้ง เป็นองค์ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับด้วยกระเบื้องโมเสกสีทองทั้งองค์ หน้าตักกว้าง 17 เมตร สูงจากฐานถึงยอดพระเกศบัวตูม 9 เมตร สูงจากระดับดินรอบเนินเขาจดพระเกศบัวตูม 28.30 เมตร สร้างระหว่าง พ.ศ.2509-2512 ประดิษฐาน ณ วัดเขากงมงคลมิ่งมิตรประดิษฐาราม ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส บนเนื้อที่ประมาณ 142 ไร่ อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปตามถนนสายนราธิวาส-ระแงะ ประมาณ 9 กิโลเมตร
พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล นับเป็นพระพุทธรูปศิลปะรัตนโกสินทร์ อิทธิพลอินเดียใต้ ยุคโจฬะรุ่นหลัง ผสมกับพุทธศิลป์นครศรีธรรมราช (แบบขนมต้ม) อันเป็นพุทธศิลป์ของภาคใต้โดยเฉพาะ ซึ่งนิยมสร้างกันมาตั้งแต่ปี 1700 ดังปรากฏหลักฐานจำนวนมาก ที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่เรียกว่า “ศิลปะขนมต้ม”
นอกจากนี้ ยังมีการจำลองพระพุทธทักษิณมิ่งมงคลไปประดิษฐานไว้ ณ ศาลากลางจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ นับเป็นพระพุทธรูปที่พุทธศาสนิกชนชาว จ.นราธิวาส และพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปมีความเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ต้นปี 2547 ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อน หวาดกลัว และวิตกกังวล ด้วยความห่วงใยชาวบ้าน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ กลุ่มปัญจธรรมนราธิวาส จึงได้ร่วมกันดำเนินการจัดสร้างวิหารองค์พ่อจตุคามรามเทพ และศาลหลักเมืองนราธิวาส ซึ่งเป็นวิหารแห่งแรกที่ตั้งอยู่นอกเขตวัด และมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างด้วยงบประมาณ 100 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ตั้งอยู่ที่ถนนนรสุขอนุสรณ์ ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส บริเวณตรงข้ามโรงเรียนเทศบาล 5 เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชาขอพร
สำหรับวิหารองค์พ่อจตุคามฯ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก แบบศิลปะสมัยศรีวิชัย เนื้อที่ใช้สอยประมาณ 1,300 ตารางเมตร มี 2 ชั้น ชั้นบนเป็นที่ประดิษฐานองค์พ่อจตุคามรามเทพ 4 องค์ ส่วนชั้นล่างเป็นห้องแสดงประวัติองค์พ่อจตุคามรามเทพ ห้องวัตถุมงคล ห้องที่ทำการมูลนิธิ และเป็นที่ใช้สอยอื่นๆ
พร้อมกันนี้ กลุ่มปัญจธรรมนราธิวาส ยังได้จัดทำวัตถุมงคลแจกจ่ายแก่เจ้าหน้าที่ พร้อมจัดทำรูปหล่อองค์พ่อจตุคามรามเทพให้ประชาชนได้สักการะเคารพบูชา เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และบำรุงขวัญกำลังใจท่ามกลางเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน วิหารดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แม้ว่าภายนอกวิหารจะยังไม่แล้วเสร็จ แต่ภายในวิหารก็ประดับประดาอย่างสวยงาม พร้อมประดิษฐานองค์พ่อจตุคามฯ ทั้ง 4 องค์ คือ ประทับนั่งปางมหาราชลีลา (ธาตุดิน) จำนวน 2 องค์, องค์พ่อจตุคามฯ นาคปรก 9 เศียร (ธาตุน้ำ) และองค์พ่อจตุคามฯ ประทับยืน (ธาตุลม) ให้ประชาชนผู้เลื่อมใสได้กราบไหว้สักการะ
ในอนาคต เมื่อการก่อสร้างวิหารองค์พ่อจตุคามฯ แล้วเสร็จสมบูรณ์ คณะกรรมการมูลนิธิจะได้เปิดให้เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม ห้องสมุดศึกษาธรรมะ สวนพักผ่อนหย่อนใจ ให้ประชาชนได้ใช้บริการโดยทั่วกัน ทั้งนี้ ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมทำบุญสมทบทุนการก่อสร้าง และสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ มูลนิธิองค์พ่อจตุคามรามเทพและศาลหลักเมืองนราธิวาส โทร.0-7352-2577
ขณะเดียวกัน ผู้ที่มีความเคารพนับถือ และเลื่อมใสศรัทธาในองค์พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งศิลปะ ความเมตตา และความสำเร็จ ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ภายใต้การนำของ นายอินดาร์แซล บุศรี เจ้าของกิจการผู้จำหน่ายผ้ารายใหญ่ในพื้นที่ พร้อมคณะ ก็ได้จัดให้มีการสร้าง องค์พระศรีคเณศ พระพิฆเนศ ณ นราธิวาส องค์ใหญ่ ขนาดหน้าตักกว้าง 7 เมตร สูง 16 เมตร พร้อมวิหารองค์เทพหนุมาน และองค์เทพไสบาบา ประดิษฐานอยู่ทางซ้ายและขวา เพื่อให้เป็นที่เคารพสักการะสำหรับผู้เสื่อมใสศรัทธาที่เดินทางมาจากทุกสารทิศ
สำหรับสิ่งก่อสร้างทั้งหมดนี้ ประดิษฐานอยู่ภายในบริเวณเทวสถานพระพิฆเนศ นราธิวาส ซึ่งอยู่ด้านข้างของโรงเรียนอนุบาลนราธิวาส บนถนนพิพิธคีรี ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส มีขนาดหน้าตักกว้าง 7 เมตร สูง 16 เมตร จัดเป็นองค์พระพิฆเนศที่มีสีสัน และรูปลักษณ์ประณีตสวยงามอย่างยิ่ง ใช้เวลาก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 9 ปี โดยได้ทำการเบิกเนตรเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2555
และได้จัดให้มีพิธีสวดบูชาองค์พระพิฆเนศ และพิธีลอยองค์พระพิฆเนศลงสู่ทะเล เป็นครั้งแรกที่จังหวัดนราธิวาสด้วย โดยหลังจากมีพิธีสวดบูชาองค์พระพิฆเนศ ตั้งแต่วันที่ 9-17 กันยายนที่ผ่านมา ที่บริเวณเทวสถานพระพิฆเนศ นราธิวาส ในวันที่ 18 กันยายน 2556 ได้มีพิธีอัญเชิญพระพิฆเนศจำลอง ลงสู่แม่น้ำบางนรา ที่ริมเขื่อนท่าพระยาสาย เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เพื่อทำพิธีลอยองค์พระพิฆเนศลงสู่ทะเล ท่ามกลางผู้ที่เคารพศรัทธา และเลื่อมใสศรัทธาจำนวนมาก และจะจัดให้มีพิธีสวดบูชาองค์พระพิฆเนศ และพิธีลอยองค์พระพิฆเนศลงสู่ทะเลต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีต่อไป
สำหรับพิธีสวดบูชาองค์พระพิฆเนศ และพิธีลอยองค์พระพิฆเนศลงสู่ทะเล คือ 2 กิจกรรมที่จัดทำในเทศกาลฆเณศจตุรถี ซึ่งนับเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการบูชาพระพิฆเนศ โดยจะกระทำในวันที่ 9 เดือน 9 ถึง วันที่ 18 เดือน 9 เพราะถือว่า เป็นวันกำเนิดของพระพิฆเนศ เชื่อกันว่า พระองค์จะเสด็จลงมาสู่โลกมนุษย์ เพื่อประทานพรอันประเสริฐสูงสุดแก่ผู้ศรัทธาพระองค์ เทศกาลนี้ ได้มีการจัดพิธีกรรมบูชา และการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ทั่วอินเดียและทั่วโลก มีการจัดสร้างเทวรูปพระพิฆเนศขนาดใหญ่โตมโหฬารเพื่อเข้าพิธีบูชา จากนั้นจะแห่องค์เทวรูปไปทั่วเมือง และมุ่งหน้าไปสู่แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์สายต่างๆ ถนนหนทางทั่วทุกหนแห่ง จะมีแต่ผู้คนออกมาชมการแห่องค์เทวรูปนับร้อยนับพันองค์ ผู้ศรัทธาทุกคนแต่งชุดสีสันสวยงาม ขบวนแห่จะไปสิ้นสุดที่แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เช่น แม่น้ำคงคา แม่น้ำสรัสวตี ฯลฯ แล้วทำพิธีลอยเทวรูปลงสู่แม่น้ำหรือทะเล
การได้ไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง รวมถึงสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เลื่อมใสศรัทธานั้น ไม่เพียงจะก่อให้เกิดความสบายใจเท่านั้น หากจะยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นในการนำพาชีวิตก้าวเดินต่อไปในอนาคตอีกด้วย หากมีโอกาสได้มาเยือนจังหวัดนราธิวาส ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาทุกคนร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเมืองนรา ตามสถานที่ต่างๆ เหล่านี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลโดยทั่วกัน
ภาพ/เรื่อง - โสรายา สาเรป