พื้นที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เป็นดินแดนที่มีความเป็นมายาวนานนับร้อยปี วิถีชีวิตของคนลุ่มน้ำปากพนังแห่งนี้มีความผูกพันกับสายน้ำมายาวนาน และยังเป็นดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของสยามประเทศมาช้านาน จนกาลครั้งที่ได้ถูกบันทึกไว้เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ร.ศ.121 ตรงกับพุทธศักราช 2445 พระพุทธเจ้าหลวง ได้เสด็จประพาสปากพนัง พระราชหัตถเลขาตอนหนึ่งความว่า “เมืองปากพนังนี้ได้ทราบอยู่แล้วว่าเป็นที่สำคัญอย่างไร แต่เมื่อไปถึงฝั่ง รู้สึกว่าตามที่คาดคะเนนั้นผิดไปเป็นอันมาก ไม่นึกว่าใหญ่โตมั่งคั่งถึงเพียงนี้”
และอีกตอนหนึ่งความว่า “เมื่อจะคิดว่าตำบลนี้มีราคาอย่างไรเทียบกับเมืองสงขลา ผลประโยชน์แต่อำเภอเดียวนี้น้อยกว่าเมืองสงขลาอยู่ 20,000 บาทเท่านั้น บรรดาเมืองท่าในแหลมมลายูฝั่งตะวันออกเห็นจะไม่มีแห่งใดดีเท่าปากพนัง”
พิเชษฐ์ กล้าสุคนธ์ นายกเทศมนตรีเมืองปากพนัง กล่าวว่า แม้ว่ากาลเวลาผ่านไปกว่า 100 ปี สภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปจนปากพนังประสบกับวิกฤตหลายประการ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พลิกฟื้นวิถีชีวิตของชาวปากพนังให้กลับมามีความมั่งคั่ง แผ่นดินมีความอุดมสมบูรณ์กลับมาอีกครั้ง จนปัจจุบัน ปากพนังมีมนต์เสน่ห์วิถีชีวิตของชาวลุ่มน้ำอย่างน่าหลงใหล
แม้ว่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายช่วง แต่สิ่งหนึ่งที่ชาวปากพนังบนลุ่มน้ำแห่งนี้ไม่เคยลืม คือ ประเพณี และศิลปวัฒนธรรมอันดีงามประจำถิ่น โดยเฉพาะช่วงออกพรรษา จะมีงานบุญใหญ่คือ “ลากพระและแข่งเรือเพรียวปากพนัง” แม้จะไม่ปรากฏว่ามีมาตั้งแต่สมัยใด แต่เท่าที่พบบันทึกนั้น เมื่อปี พ.ศ.1272 ดินแดนแถบนี้มีการลากพระอยู่แล้ว โดยเฉพาะปากพนังนั้นมีการลากพระทางเรือ โดยการตกแต่งเรือเป็นพนมพระอย่างสวยงาม และยังมีการแข่งขัน “เรือเพรียว” หรือเรือยาว ที่เป็นกิจกรรมหลักของงาน ผ่านการส่งเสริมรุ่นแล้วรุ่นเล่าจนเป็นที่เลื่องลือ
พิเชษฐ์ กล้าสุคนธ์ นายกเทศมนตรีเมืองปากพนัง กล่าวอีกว่า เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของการบริหารเทศบาลเมืองปากพนัง ซึ่งนอกจากขบวนเรือพระจะยิ่งใหญ่สวยงามแบบโบราณกว่าทุกๆ ปีแล้ว การแข่งเรือในแม่น้ำปากพนัง จะเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดของประเทศก็ว่าได้ และยังมีที่มายาวนานนับแต่งานฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญ และสืบเนื่องต่อมาไม่เคยขาดหาย จนกระทั่งเมื่อปี 2526 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานถ้วยรางวัลให้แก่เรือเพรียว 3 รุ่น ทำให้การแข่งขันมีความสนุกสนาน และยิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีก
“ระหว่างวันที่ 17-21 ตุลาคม 2556 ประเพณีนี้จะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง โอกาสที่จะได้มาเยือนเมืองปากพนังแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ ในช่วงเวลานี้เป็นโอกาสดีที่จะได้ไปเยี่ยมบ้านพ่อ เยือนพระตำหนักประทับแรมปากพนัง ในโครงการลุ่มน้ำปากพนัง หรือจะซื้อหารังนกอีแอ่นจากคอนโดฯ นกที่มีอยู่อย่างดาษดื่น และสัมผัสกับรสชาติขนมลูกเห็บ ขนมต้ม ที่จะหารับประทานได้เฉพาะช่วงเวลาบุญออกพรรษา และก่อนกลับบ้านต้องแวะสักการะพระลากที่มีมาแต่โบราณบนเรือพนมพระจำนวนนับร้อยลำเอาฤกษ์เอาชัยเอาบุญกลับมา เป็นมงคลยิ่งแล้ว” นายกเทศมนตรีเมืองปากพนัง อธิบาย