ครูสอนภาษาอังกฤษโรงเรียนห้วยยอด จ.ตรัง ควักเงินกว่า 2 ล้านบาท กว้านซื้อไม้เทพทาโร พรรณไม้หอมเก่าแก่ของไทย นำมาประดิษฐ์เป็นมังกร 84 ตัว เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใช้เวลานานถึง 2 ปี หวังพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ใช้ชื่อ “วังเทพทาโร” สร้างจุดขายดึงนักท่องเที่ยวสู่ท้องถิ่น
นายจรูญ แก้วละเอียด ครูวิชาภาษาอังกฤษ โรงเรียนห้วยยอด โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาประจำอำเภอห้วยยอด ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 13 ตรัง รวมทั้งยังเป็นศิลปินพื้นบ้านจังหวัดตรัง สาขานันทนาการ ประจำปี 2543 เปิดเผยว่า เนื่องจากไม้เทพทาโร หรือไม้จวงหอม พรรณไม้หอมเก่าแก่ของไทย ซึ่งสามารถนำไปทำประโยชน์ได้อย่างหลากหลายนั้น จะพบมากในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง หรือจะเรียกได้ว่ามากที่สุดของโลก จนถือเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่น เนื่องจากมีการนำไปแกะสลักเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ที่สวยงาม จนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งประเทศ
ที่สำคัญก็คือ เนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2554 เป็นโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา ดังนั้น ตนจึงได้ไปทำการกว้านซื้อรากไม้เทพทาโรตามสวนยางพาราต่างๆ เป็นระยะเวลาถึง 5 เดือน จนได้มาจำนวน 500,000 กิโลกรัม หรือประมาณ 5 คันรถบรรทุก 6 ล้อ ด้วยมูลค่าประมาณ 2.5 ล้านบาท ซึ่งใช้เงินทุนส่วนตัวทั้งสิ้น แล้วนำรากไม้เทพทาโรเหล่านี้มากองรวมไว้ยังบริเวณบ้านของตนในเนื้อที่ 25 ไร่ ของหมู่ที่ 5 ตำบลเขากอบ อำเภอห้วยยอด ก่อนออกแบบประดิษฐ์คิดค้นเป็นมังกรในท่าทางต่างๆ จำนวน 84 ตัว โดยใช้ระยะเวลาในการทำเพียงคนเดียวนานถึง 2 ปี
สำหรับมังกรตัวแรก ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของบ้านนั้น มีขนาดใหญ่ที่สุด เฉพาะส่วนหัวมีน้ำหนักมากถึง 1,500 กิโลกรัม ส่วนสาเหตุที่เลือกประดิษฐ์คิดค้นเป็นมังกร แทนที่จะเป็นพะยูน สัตว์อนุรักษ์ชื่อดังประจำจังหวัดตรัง ก็เนื่องจากมังกรนับเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ และสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณ นอกจากนั้น ในปี 2558 นี้ ประเทศไทยก็จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) แล้ว จึงจำเป็นต้องสร้างอัตลักษณ์ให้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก และมังกรถือว่ามีความเหมาะสมที่สุด อีกทั้งมังกรยังเป็นสัญลักษณ์ขององค์จักรพรรดิด้วย จึงเป็นพลังที่ช่วยดลบันดาลให้ตนสร้างสรรค์ชิ้นงานนี้ออกมาจนสำเร็จ
ทั้งนี้ นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เข้ามาเที่ยวชมมังกร 84 ตัวแล้ว ตนยังได้จัดทำสวนมังกรที่มีขนาดเล็กในลักษณะท่าทางต่างๆ เสริมเข้าไปด้วย รวมทั้งจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ไม้เทพทาโร เพื่ออธิบายให้ความรู้ในด้านประวัติความเป็นมา ประโยชน์ในการนำไปใช้สอย ตลอดจนจัดโชว์ผลิตภัณฑ์จากไม้เทพทาโร จากนั้นจะพานักท่องเที่ยวไปชมสวนไม้เทพทาโรซึ่งตนได้ปลูกขึ้นมา 4-5 ปีแล้ว รวมจำนวน 300 ต้น เพื่อที่จะได้ศึกษาเรียนรู้ไม้เทพทาโรจากสายพันธุ์ต่างๆ ทั่วทั้งประเทศไทย หรือหากผู้ใดอยากจะผ่อนคลายความร้อน ก็สามารถลงไปเล่นน้ำในลำธารใสที่ไหลผ่านอยู่ข้างสวนก็ได้ ซึ่งมักจะเป็นที่นิยมของกลุ่มเด็กๆ
นายจรูญ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้ตั้งชื่อแหล่งเรียนรู้แห่งนี้ว่า “วังเทพทาโร” โดยเปิดให้บริการเข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30-17.00 น. ซึ่งนอกจากจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยแล้ว ยังมีชาวต่างชาติ เช่น จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ซึ่งมีความเชื่อในเรื่องของมังกร และไม้มงคล อย่างเทพทาโร เดินทางมาเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เนื่องจากตนจะสามารถบรรยาย หรือให้ข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษได้ดี รวมทั้งยังมีการนำความรู้ทางศิลปินพื้นบ้าน ทั้งหนังตะลุง มโนราห์ ลิเกป่า และรองเง็ง มาผสมผสานกับภาษาอังกฤษ แล้วขับร้องให้นักท่องเที่ยวได้ฟัง ซึ่งช่วยสร้างความเพลิดเพลิน และทำให้แหล่งเรียนรู้แห่งนี้เกิดการพัฒนาไปสู่สากล