ยะลา - กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวผลการปฏิบัติงานในรอบปีที่ผ่านมา ระบุเหตุร้ายปี 56 ลดลงกว่าปี 55 ที่ผ่านมา แต่กลับพบว่าการก่อเหตุในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังเดือนรอมฎอนกลับสูงขึ้นมากกว่าช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเหตุการณ์ร้ายพบว่าลดลงกว่าปีที่แล้ว
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (1 ต.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากการนำนโยบายของรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ประจำปี 2556 ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องในการแก้ปัญหาโดยมุ่งเน้นการปฏิบัติตามแนวทางการเมืองนำการทหาร การบูรณาการแก้ไขปัญหาของทุกภาคส่วนภายใต้แผนปฏิบัติการต่อสู้เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งงานด้านความมั่นคง และงานด้านการพัฒนา ส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่มีพัฒนาการไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาตามลำดับ
“จากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ยังคงปรากฏอยู่อย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ภาพรวมในห้วงปี 2556 จะเห็นได้ว่า จำนวนการก่อเหตุร้ายลดลง แต่มีการใช้ระเบิดมากขึ้น ทำให้การสูญเสียยังทรงตัวใกล้เคียงกับห้วงปี 2555 การเกิดเหตุส่วนใหญ่เกิดบนถนน 67% เขตชุมชน 24% และ อื่นๆ 9% ส่งผลกระทบมากที่สุด คือ ราษฎรไทยพุทธ และไทยมุสลิมที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่รัฐ ตามลำดับ โดยสัดส่วนการเสียชีวิตระหว่างไทยพุทธกับไทยมุสลิม 4:1 จากการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มผู้มีความเห็นต่างในห้วงที่ผ่านมา ได้รับความสนใจ มีทั้งเสียงสนับสนุน และมีผู้ไม่เห็นด้วย
มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะภาคประชาสังคม นักวิชาการ และเครือข่ายนักศึกษา โดยเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) และอดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยสันติภาพ ได้แถลงข่าวผ่านสื่อออนไลน์ และสื่อโทรทัศน์ สนับสนุนความเห็นร่วมระหว่างผู้แทนฝ่ายไทยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ ในการลดเหตุร้ายในห้วงเดือนรอมฎอน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบางกลุ่มในพื้นที่ที่ปฏิเสธกับกระบวนการพูดคุยดังกล่าว ทำให้สถานการณ์ในห้วงเดือนรอมฎอนในปีนี้ พบว่า การก่อเหตุรุนแรง ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเดือนรอมฎอน มีจำนวนเฉลี่ยสูงมากกว่าห้วง 3 ปีที่ผ่านมา” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว
พ.อ.ปราโมทย์ ยังกล่าวอีกว่า ในด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน และภัยแทรกซ้อนนั้น ได้เข้าดำเนินการต่อเป้าหมายพื้นที่ และบุคคลเพื่อควบคุมพื้นที่ และจำกัดเสรีผู้ก่อเหตุรุนแรง ผลการปฏิบัติ ปะทะ 37 ครั้ง ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต จำนวน 45 คน ถูกควบคุมตัว จำนวน 5 คน และมอบตัว จำนวน 2 คน ตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 215 กระบอก พร้อมยึดกระสุน อุปกรณ์ประกอบระเบิด และอื่นๆ เป็นจำนวนมาก สามารถทำลายความพยายามในการก่อเหตุด้วยระเบิด 116 ครั้ง
“ในส่วนด้านการอำนวยความยุติธรรม ได้มีการขับเคลื่อนการปฏิบัติตาม มาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้ดำเนินการตามกระบวนการเรียบร้อยแล้ว 3 ราย และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ซึ่งหน่วยได้แสวงประโยชน์ใช้เป็นวิทยากรแนะนำให้ความรู้ และประชาสัมพันธ์ ปัจจุบันมีผู้ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ จำนวน 1 ราย ส่วนแผนงานพาคนกลับบ้านเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติโดยได้แบ่งมอบบัญชีเป้าหมายให้แก่หน่วยเฉพาะกิจจังหวัด รวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์ และรณรงค์ให้บุคคล ผู้มีหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวน 942 คน หมาย ป.วิอาญา จำนวน 1,407 คน และไม่มีหมายอีกจำนวนหนึ่ง ให้เข้ารายงานตัวแสดงตน ปัจจุบัน ได้มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ เป็นหน่วยรับรายงานตัว และอำนวยความสะดวก ขณะนี้มีผู้เข้ารายงานตัว จำนวน 983 คน โดยได้ดำเนินกรรมวิธีช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว 648 คน และอยู่ระหว่างดำเนินการ 335 คน” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ากล่าว
พ.อ.ปราโมทย์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับในปี 57 ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะดำรงความต่อเนื่องตามนโยบาย สานใจ สู่สันติ ภายใต้แนวทางการเมืองนำการทหาร ให้ครอบคลุมทุกมิติ พร้อมกับเสริมสร้างจุดแข็งใช้กลไกราชการปกติ ให้สามารถกำหนดแผนปฏิบัติการให้ตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างชัดเจน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (1 ต.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากการนำนโยบายของรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ประจำปี 2556 ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องในการแก้ปัญหาโดยมุ่งเน้นการปฏิบัติตามแนวทางการเมืองนำการทหาร การบูรณาการแก้ไขปัญหาของทุกภาคส่วนภายใต้แผนปฏิบัติการต่อสู้เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งงานด้านความมั่นคง และงานด้านการพัฒนา ส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่มีพัฒนาการไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาตามลำดับ
“จากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ยังคงปรากฏอยู่อย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ภาพรวมในห้วงปี 2556 จะเห็นได้ว่า จำนวนการก่อเหตุร้ายลดลง แต่มีการใช้ระเบิดมากขึ้น ทำให้การสูญเสียยังทรงตัวใกล้เคียงกับห้วงปี 2555 การเกิดเหตุส่วนใหญ่เกิดบนถนน 67% เขตชุมชน 24% และ อื่นๆ 9% ส่งผลกระทบมากที่สุด คือ ราษฎรไทยพุทธ และไทยมุสลิมที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่รัฐ ตามลำดับ โดยสัดส่วนการเสียชีวิตระหว่างไทยพุทธกับไทยมุสลิม 4:1 จากการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มผู้มีความเห็นต่างในห้วงที่ผ่านมา ได้รับความสนใจ มีทั้งเสียงสนับสนุน และมีผู้ไม่เห็นด้วย
มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะภาคประชาสังคม นักวิชาการ และเครือข่ายนักศึกษา โดยเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) และอดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติมาเลเซีย ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยสันติภาพ ได้แถลงข่าวผ่านสื่อออนไลน์ และสื่อโทรทัศน์ สนับสนุนความเห็นร่วมระหว่างผู้แทนฝ่ายไทยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ ในการลดเหตุร้ายในห้วงเดือนรอมฎอน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบางกลุ่มในพื้นที่ที่ปฏิเสธกับกระบวนการพูดคุยดังกล่าว ทำให้สถานการณ์ในห้วงเดือนรอมฎอนในปีนี้ พบว่า การก่อเหตุรุนแรง ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเดือนรอมฎอน มีจำนวนเฉลี่ยสูงมากกว่าห้วง 3 ปีที่ผ่านมา” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว
พ.อ.ปราโมทย์ ยังกล่าวอีกว่า ในด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน และภัยแทรกซ้อนนั้น ได้เข้าดำเนินการต่อเป้าหมายพื้นที่ และบุคคลเพื่อควบคุมพื้นที่ และจำกัดเสรีผู้ก่อเหตุรุนแรง ผลการปฏิบัติ ปะทะ 37 ครั้ง ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต จำนวน 45 คน ถูกควบคุมตัว จำนวน 5 คน และมอบตัว จำนวน 2 คน ตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 215 กระบอก พร้อมยึดกระสุน อุปกรณ์ประกอบระเบิด และอื่นๆ เป็นจำนวนมาก สามารถทำลายความพยายามในการก่อเหตุด้วยระเบิด 116 ครั้ง
“ในส่วนด้านการอำนวยความยุติธรรม ได้มีการขับเคลื่อนการปฏิบัติตาม มาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้ดำเนินการตามกระบวนการเรียบร้อยแล้ว 3 ราย และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ซึ่งหน่วยได้แสวงประโยชน์ใช้เป็นวิทยากรแนะนำให้ความรู้ และประชาสัมพันธ์ ปัจจุบันมีผู้ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ จำนวน 1 ราย ส่วนแผนงานพาคนกลับบ้านเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติโดยได้แบ่งมอบบัญชีเป้าหมายให้แก่หน่วยเฉพาะกิจจังหวัด รวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์ และรณรงค์ให้บุคคล ผู้มีหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวน 942 คน หมาย ป.วิอาญา จำนวน 1,407 คน และไม่มีหมายอีกจำนวนหนึ่ง ให้เข้ารายงานตัวแสดงตน ปัจจุบัน ได้มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ เป็นหน่วยรับรายงานตัว และอำนวยความสะดวก ขณะนี้มีผู้เข้ารายงานตัว จำนวน 983 คน โดยได้ดำเนินกรรมวิธีช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว 648 คน และอยู่ระหว่างดำเนินการ 335 คน” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ากล่าว
พ.อ.ปราโมทย์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับในปี 57 ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะดำรงความต่อเนื่องตามนโยบาย สานใจ สู่สันติ ภายใต้แนวทางการเมืองนำการทหาร ให้ครอบคลุมทุกมิติ พร้อมกับเสริมสร้างจุดแข็งใช้กลไกราชการปกติ ให้สามารถกำหนดแผนปฏิบัติการให้ตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างชัดเจน