ยะลา - โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงกรณีเหตุการณ์ลอบยิงอุสตาซ โรงเรียนชุมชนมูลนิธิอิสลามบ้านปาแดลางา อ.หนองจิก เสียชีวิต ระบุกลุ่มคนร้ายยังมุ่งหวังก่อเหตุสร้างความแตกแยก
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (21 ส.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ใช้อาวุธไม่ทราบชนิด และขนาดลอบยิงนายฮูมัยดี มูซอ อุสตาซโรงเรียนชุมชนมูลนิธิอิสลามบ้านปาแดลางา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เสียชีวิตขณะเดินทางด้วยรถยนต์เพื่อไปสอนนักเรียน เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา บริเวณบนถนนภายในหมู่บ้านปาแดลางา หมู่ 5 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวของอุสตาซฮูมัยดี ที่ได้สูญเสียจากการกระทำอย่างโหดเหี้ยมของผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งฆ่าได้แม้กระทั่งครูผู้เป็นทรัพยากรบุคคลทางการศึกษาที่ทรงคุณค่า เป็นผู้ให้วิชาการความรู้ ให้แสงสว่างแก่บุตรหลาน และประชาชนในพื้นที่ ถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของศาสนาอิสลามอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ เพราะการทำร้ายครู การฆ่าครูไม่เพียงเป็นการกระทำที่ตรงกันข้ามกับแนวทางของศาสดาเท่านั้น แต่ยังเป็นการฝ่าฝืนหลักศาสนาอย่างยากที่หาคำใดมาประณามถึงจะเหมาะสม
“ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้ความสำคัญด้วยการมอบนโยบาย และสั่งการเน้นย้ำให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ ดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนอย่างเสมอภาค และเท่าเทียมกัน โดยไม่แบ่งเชื้อชาติ และศาสนา ภายใต้หลักกฎหมายที่เป็นธรรม และไม่ละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งได้กำชับให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน พิสูจน์สาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ เพื่อติดตามจับกุมผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้มาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอเรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงยุติพฤติกรรมกลับกลอก หลอกลวง เพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างพี่น้องชาวไทย ด้วยการสร้างสถานการณ์ทำร้ายพี่น้องประชาชน แล้วโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้ เพราะมนุษย์ทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยความเสมอภาค และเท่าเทียมกัน พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน กลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ได้ร่วมแสดงพลังต่อต้านผู้ก่อเหตุรุนแรงทุกรูปแบบ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเราไม่เห็นด้วย และปฏิเสธการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ เพื่อให้ทุกคนได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าว
พ.อ.ปราโมทย์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการในการรักษาความปลอดภัยครูทุกท่าน ทราบว่าสิ่งที่คนร้ายพยายามดำเนินการกันตลอดในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา ก็คือการสร้างสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการยิงนักการเมืองท้องถิ่น หรือผู้นำศาสนา แล้วใส่ร้ายตอบโต้ว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ จากนั้นก็ตอบโต้โดยการลอบทำร้ายครู ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้มีการปรับแผนร่วมกับสมาพันธ์ครูมาโดยตลอด โดยแผนแต่ละช่วงเวลาได้มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามสถานการณ์ แต่ละพื้นที่มีความอ่อนตัว และสามารถที่จะปรับเปลี่ยนตลอดเวลา กรณีของครูอธิคม ก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้ทางหน่วยในพื้นที่ก็มีการหารือร่วมกันแล้วว่ามีจุดอ่อนที่ใด เกิดความผิดพลาดที่ใด ทุกคนเสียใจต่อการสูญเสีย ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่หลังจากนี้ไปก็ต้องมีการปรับเพิ่มมาตรการในการดูแลให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ในส่วนของพี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามทุกคนจะได้รับการดูแลที่เหมือนกัน
“ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้ายยิง ครูอธิคม เสียชีวิตนั้น ในช่วงเช้าที่ผ่านมา แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำให้ พล.ต.ธวัช สุขปลั่ง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี รวมทั้ง ผบก.ปัตตานี ให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อชี้แจงให้แก่สังคมต่อไปแล้ว ซึ่งกรณีของครูอธิคม ได้มีการเก็บปลอกกระสุนปืน และจากการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ของตำรวจได้แจ้งผลตรวจกระสุนปืนเรียบร้อยแล้ว พบว่ากระสุนปืนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ จำนวน 12 ปลอก เคยนำไปใช้ก่อคดีในช่วงที่ผ่านมาหลายคดี
โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่ยิงนายตอและ ปูแทน ซึ่งเป็นหลานอดีต ส.จ. ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี อาวุธปืนที่ใช้ยิงครูอธิคม เคยถูกนำไปใช้ในการยิงนายตอ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา สำหรับกรณีของอดีต ส.จ. ที่ถูกยิงเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล รวบรวมหลักฐานเพื่อที่จะพิสูจน์กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนั้น” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (21 ส.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ใช้อาวุธไม่ทราบชนิด และขนาดลอบยิงนายฮูมัยดี มูซอ อุสตาซโรงเรียนชุมชนมูลนิธิอิสลามบ้านปาแดลางา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เสียชีวิตขณะเดินทางด้วยรถยนต์เพื่อไปสอนนักเรียน เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา บริเวณบนถนนภายในหมู่บ้านปาแดลางา หมู่ 5 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวของอุสตาซฮูมัยดี ที่ได้สูญเสียจากการกระทำอย่างโหดเหี้ยมของผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งฆ่าได้แม้กระทั่งครูผู้เป็นทรัพยากรบุคคลทางการศึกษาที่ทรงคุณค่า เป็นผู้ให้วิชาการความรู้ ให้แสงสว่างแก่บุตรหลาน และประชาชนในพื้นที่ ถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของศาสนาอิสลามอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ เพราะการทำร้ายครู การฆ่าครูไม่เพียงเป็นการกระทำที่ตรงกันข้ามกับแนวทางของศาสดาเท่านั้น แต่ยังเป็นการฝ่าฝืนหลักศาสนาอย่างยากที่หาคำใดมาประณามถึงจะเหมาะสม
“ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้ความสำคัญด้วยการมอบนโยบาย และสั่งการเน้นย้ำให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ ดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนอย่างเสมอภาค และเท่าเทียมกัน โดยไม่แบ่งเชื้อชาติ และศาสนา ภายใต้หลักกฎหมายที่เป็นธรรม และไม่ละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งได้กำชับให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน พิสูจน์สาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ เพื่อติดตามจับกุมผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้มาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอเรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงยุติพฤติกรรมกลับกลอก หลอกลวง เพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างพี่น้องชาวไทย ด้วยการสร้างสถานการณ์ทำร้ายพี่น้องประชาชน แล้วโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้ เพราะมนุษย์ทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยความเสมอภาค และเท่าเทียมกัน พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน กลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ได้ร่วมแสดงพลังต่อต้านผู้ก่อเหตุรุนแรงทุกรูปแบบ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเราไม่เห็นด้วย และปฏิเสธการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ เพื่อให้ทุกคนได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าว
พ.อ.ปราโมทย์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการในการรักษาความปลอดภัยครูทุกท่าน ทราบว่าสิ่งที่คนร้ายพยายามดำเนินการกันตลอดในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา ก็คือการสร้างสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการยิงนักการเมืองท้องถิ่น หรือผู้นำศาสนา แล้วใส่ร้ายตอบโต้ว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ จากนั้นก็ตอบโต้โดยการลอบทำร้ายครู ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้มีการปรับแผนร่วมกับสมาพันธ์ครูมาโดยตลอด โดยแผนแต่ละช่วงเวลาได้มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามสถานการณ์ แต่ละพื้นที่มีความอ่อนตัว และสามารถที่จะปรับเปลี่ยนตลอดเวลา กรณีของครูอธิคม ก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้ทางหน่วยในพื้นที่ก็มีการหารือร่วมกันแล้วว่ามีจุดอ่อนที่ใด เกิดความผิดพลาดที่ใด ทุกคนเสียใจต่อการสูญเสีย ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่หลังจากนี้ไปก็ต้องมีการปรับเพิ่มมาตรการในการดูแลให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ในส่วนของพี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามทุกคนจะได้รับการดูแลที่เหมือนกัน
“ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้ายยิง ครูอธิคม เสียชีวิตนั้น ในช่วงเช้าที่ผ่านมา แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำให้ พล.ต.ธวัช สุขปลั่ง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี รวมทั้ง ผบก.ปัตตานี ให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อชี้แจงให้แก่สังคมต่อไปแล้ว ซึ่งกรณีของครูอธิคม ได้มีการเก็บปลอกกระสุนปืน และจากการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ของตำรวจได้แจ้งผลตรวจกระสุนปืนเรียบร้อยแล้ว พบว่ากระสุนปืนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ จำนวน 12 ปลอก เคยนำไปใช้ก่อคดีในช่วงที่ผ่านมาหลายคดี
โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่ยิงนายตอและ ปูแทน ซึ่งเป็นหลานอดีต ส.จ. ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี อาวุธปืนที่ใช้ยิงครูอธิคม เคยถูกนำไปใช้ในการยิงนายตอ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา สำหรับกรณีของอดีต ส.จ. ที่ถูกยิงเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล รวบรวมหลักฐานเพื่อที่จะพิสูจน์กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนั้น” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว
