ยะลา - กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงกรณีเหตุการณ์ลอบยิงครูโรงเรียนบ้านประจัน อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เสียชีวิต พร้อมประณามการกระทำของคนร้าย
วันนี้ (20 ส.ค.) พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์/โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ลอบยิง นายอธิคม ติวงค์ ข้าราชการครูโรงเรียนบ้านประจัน อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เสียชีวิต ขณะขับรถจักรยานยนต์กลับที่พัก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2556 เวลา 16.55 น. ที่ผ่านมา บนถนนสาย 410 ตำบลปูยุด อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ดังที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวของคุณครู ตลอดจนลูกศิษย์ เพื่อนร่วมอาชีพ และพี่น้องคนไทยทุกคนที่ได้สูญเสียทรัพยากรบุคคลคุณครูผู้ทรงคุณค่ายิ่งของสังคมไทยไปอีก 1 ท่าน จากการกระทำอย่างโหดเหี้ยมของผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งมีความสุดโต่งทั้งแนวความคิด และการกระทำอย่างไร้มนุษยธรรม
เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับคุณครูผู้ซึ่งคอยทำหน้าที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ และสิ่งที่ดีๆ ให้แก่ลูกหลานของสังคมเรา ซึ่งคุณครูผู้นี้เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เป็นผู้ที่มีความเสียสละ และมีความตั้งใจจริงในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งมีอุดมการณ์ที่แน่วแน่พร้อมจะยืนหยัด และต่อสู้เพื่อมุ่งหวังให้ความรู้แก่ลูกศิษย์ และคนในพื้นที่แม้กระทั่งลมหายใจสุดท้าย
“จากพฤติกรรมของกลุ่มคนร้าย ถือเป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณไร้มนุษยธรรม ฆ่าได้แม้กระทั่งคุณครูผู้เป็นทรัพยากรบุคคลทางการศึกษาที่ทรงคุณค่า เป็นผู้ให้วิชาการความรู้ ให้แสงสว่างแก่บุตรหลาน และประชาชนในพื้นที่ ถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของศาสนาอิสลามอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ เพราะการทำร้ายครู การฆ่าครูไม่เพียงเป็นการกระทำที่ตรงกันข้ามกับแนวทางของศาสดาเท่านั้น แต่ยังเป็นการฝ่าฝืนหลักศาสนาอย่างยากที่หาคำใดมาประณามถึงจะเหมาะสม (ฮาดิษ คือคำกล่าวหรือบอกเล่าของสหายผู้ใกล้ชิดของศาสดา)
ซึ่งจากการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ได้กระทำต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ บุคลากรทางการศึกษา ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา รวมทั้งประชาชนผู้บริสุทธิ์ตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นการกระทำของพวกนอกศาสนา มีพฤติกรรมที่สุดโต่ง มุ่งละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด ซึ่งแท้จริงมนุษย์ทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการอยู่ร่วมกันในสังคม ด้วยความเสมอภาค และเท่าเทียมกัน โดยการมุ่งทำร้ายคนที่นับถือศาสนาอื่น
แม้กระทั่งคนที่นับถือศาสนาเดียวกันที่ไม่ให้การสนับสนุน และไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง แล้วโยนความผิดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น กรณีการระเบิดคุณครูเสียชีวิต 2 ท่าน ที่อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งจากผลการพิสูจน์ทางการแพทย์ และนิติวิทยาศาสตร์ สามารถยืนยันผู้กระทำผิดได้อย่างชัดเจน หรือกรณีการลอบยิงนายยะโก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานปลอกกระสุนจากที่ก่อเหตุ สามารถบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่าเป็นการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรง” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ากล่าว
พ.อ.ปราโมทย์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอเรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงยุติพฤติกรรมกลับกลอก หลอกลวง รวมทั้งการสร้างความแตกแยกระหว่างพี่น้องชาวไทยด้วยกัน ที่มีความแตกต่างเพียงแค่ความเชื่อทางศาสนา พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน กลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ได้ร่วมแสดงพลังต่อต้านผู้ก่อเหตุรุนแรงทุกรูปแบบ
เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเราไม่เห็นด้วย และปฏิเสธการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ พร้อมกันนี้ ขอให้ช่วยกันปกป้อง คุ้มครอง และให้กำลังใจแก่คุณครู บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนผู้บริสุทธิ์ทุกคน เพื่อให้ทุกคนได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะยังคงดำรงความมุ่งหมายในการรักษาความปลอดภัยให้แก่บุคลากรครู และสถานศึกษาอย่างเต็มกำลังความสามารถ พร้อมทั้งเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมายโดยเร็วที่สุดต่อไป
วันนี้ (20 ส.ค.) พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์/โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ลอบยิง นายอธิคม ติวงค์ ข้าราชการครูโรงเรียนบ้านประจัน อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เสียชีวิต ขณะขับรถจักรยานยนต์กลับที่พัก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2556 เวลา 16.55 น. ที่ผ่านมา บนถนนสาย 410 ตำบลปูยุด อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ดังที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวของคุณครู ตลอดจนลูกศิษย์ เพื่อนร่วมอาชีพ และพี่น้องคนไทยทุกคนที่ได้สูญเสียทรัพยากรบุคคลคุณครูผู้ทรงคุณค่ายิ่งของสังคมไทยไปอีก 1 ท่าน จากการกระทำอย่างโหดเหี้ยมของผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งมีความสุดโต่งทั้งแนวความคิด และการกระทำอย่างไร้มนุษยธรรม
เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับคุณครูผู้ซึ่งคอยทำหน้าที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ และสิ่งที่ดีๆ ให้แก่ลูกหลานของสังคมเรา ซึ่งคุณครูผู้นี้เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เป็นผู้ที่มีความเสียสละ และมีความตั้งใจจริงในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งมีอุดมการณ์ที่แน่วแน่พร้อมจะยืนหยัด และต่อสู้เพื่อมุ่งหวังให้ความรู้แก่ลูกศิษย์ และคนในพื้นที่แม้กระทั่งลมหายใจสุดท้าย
“จากพฤติกรรมของกลุ่มคนร้าย ถือเป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณไร้มนุษยธรรม ฆ่าได้แม้กระทั่งคุณครูผู้เป็นทรัพยากรบุคคลทางการศึกษาที่ทรงคุณค่า เป็นผู้ให้วิชาการความรู้ ให้แสงสว่างแก่บุตรหลาน และประชาชนในพื้นที่ ถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของศาสนาอิสลามอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ เพราะการทำร้ายครู การฆ่าครูไม่เพียงเป็นการกระทำที่ตรงกันข้ามกับแนวทางของศาสดาเท่านั้น แต่ยังเป็นการฝ่าฝืนหลักศาสนาอย่างยากที่หาคำใดมาประณามถึงจะเหมาะสม (ฮาดิษ คือคำกล่าวหรือบอกเล่าของสหายผู้ใกล้ชิดของศาสดา)
ซึ่งจากการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ได้กระทำต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ บุคลากรทางการศึกษา ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา รวมทั้งประชาชนผู้บริสุทธิ์ตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นการกระทำของพวกนอกศาสนา มีพฤติกรรมที่สุดโต่ง มุ่งละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด ซึ่งแท้จริงมนุษย์ทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการอยู่ร่วมกันในสังคม ด้วยความเสมอภาค และเท่าเทียมกัน โดยการมุ่งทำร้ายคนที่นับถือศาสนาอื่น
แม้กระทั่งคนที่นับถือศาสนาเดียวกันที่ไม่ให้การสนับสนุน และไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง แล้วโยนความผิดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น กรณีการระเบิดคุณครูเสียชีวิต 2 ท่าน ที่อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งจากผลการพิสูจน์ทางการแพทย์ และนิติวิทยาศาสตร์ สามารถยืนยันผู้กระทำผิดได้อย่างชัดเจน หรือกรณีการลอบยิงนายยะโก๊บ หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานปลอกกระสุนจากที่ก่อเหตุ สามารถบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่าเป็นการกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรง” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ากล่าว
พ.อ.ปราโมทย์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอเรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงยุติพฤติกรรมกลับกลอก หลอกลวง รวมทั้งการสร้างความแตกแยกระหว่างพี่น้องชาวไทยด้วยกัน ที่มีความแตกต่างเพียงแค่ความเชื่อทางศาสนา พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน กลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ได้ร่วมแสดงพลังต่อต้านผู้ก่อเหตุรุนแรงทุกรูปแบบ
เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเราไม่เห็นด้วย และปฏิเสธการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ พร้อมกันนี้ ขอให้ช่วยกันปกป้อง คุ้มครอง และให้กำลังใจแก่คุณครู บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนผู้บริสุทธิ์ทุกคน เพื่อให้ทุกคนได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะยังคงดำรงความมุ่งหมายในการรักษาความปลอดภัยให้แก่บุคลากรครู และสถานศึกษาอย่างเต็มกำลังความสามารถ พร้อมทั้งเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมายโดยเร็วที่สุดต่อไป
