ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.การท่องเที่ยวฯ เผยการตั้งศูนย์ ศปอท.ที่ภูเก็ต และผลการดำเนินการอย่างจริงจังของเจ้าหน้าที่ ทำให้ต่างชาติให้ความมั่นใจเรื่องการท่องเที่ยวมากขึ้น พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการกับกลุ่มที่นำสัตว์ป่าฯ มาหากิน หลังดาราสาวโพสต์ภาพถ่ายกับลิงลม หรือนางอาย
วันนี้ (24 ก.ย.) นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เป็นภัยกับการท่องเที่ยว (ศปอท.) ภูเก็ต ในโอกาสที่เดินทางมาร่วมเปิดส่วนคดีท่องเที่ยวในศาลจังหวัดภูเก็ต วันนี้ (24 ก.ย.) ว่า ในการสืบสวนติดตามผู้มีอิทธิพลเกี่ยวกับการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวนั้นมีความคืบหน้าไปมาก โดยจะเป็นการดำเนินคดี และสืบสวนสอบสวนในเรื่องลับ ทางผู้รับผิดชอบได้มีการรายงานผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และจะได้จำแนกผลการสืบสวนสอบสวนในแต่ละเรื่องให้แก่หน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบไปดำเนินการต่อไป เช่น กรณีการดำเนินคดีต่อหัวหน้าคิวรถแท็กซี่ป้ายดำรายใหญ่ไปเมื่อเร็วๆ นี้
“การดำเนินงานอย่างจริงจังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เพิ่มความมั่นใจในเรื่องของการท่องเที่ยวให้แก่หลายประเทศ และในการพบปะกับเอกอัครราชทูตตของหลายประเทศ ก็ได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว และในหลายปัญหาก็เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คดีที่เกิดขึ้นในภูเก็ตที่ได้ดำเนินการเกี่ยวกับปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำ หรือปัญหาการรบกวน หรือการชิงทรัพย์ หลังจากนี้ก็จะมีคดีอื่นๆ ตามมาอีก”
นอกจากนี้ นายสมศักย์ ยังได้กล่าวถึงกรณีนักร้องสาวรีฮันนา โพสต์ภาพที่ถ่ายกับลิงลม หรือนางอายที่บริเวณซอยบางลา หาดป่าตอง ว่า ปัญหาการนำสัตว์คุ้มครองมาหาประโยชน์จากนักท่องเที่ยวนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการดำเนินการไปแล้ว ซึ่งตนก็ได้กำชับไปกับผู้เกี่ยวข้องแล้วว่า สิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ถึงแม้ว่าผู้ประกอบการจะมีรายได้แต่ก็ขัดกับกฎหมาย ก็เตรียมดำเนินการต่อ โดยพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวนั้นก็เป็นพื้นที่เป้าหมายของการดำเนินงานของกระบวนการยุติธรรม และเป็นพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวร้องเรียนเข้ามามาก และมีผู้ประกอบการชาวไทยได้รับผลกระทบจากผู้มีอิทธิพลก็ได้ร้องเรียนเข้ามาเช่นกัน ซึ่งได้เตรียมดำเนินการต่อไปเช่นเดียวกัน
โดยท่านนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำในเรื่องเหล่านี้ว่า หากมีหลักฐานชัดเจนให้รีบดำเนินการจับกุมทันที จึงเป็นนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาล ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดูสำนวนในแต่ละเรื่อง เพราะแต่ละสำนวนก็มาจากตำรวจในแต่ละพื้นที่ หรือดีเอสไอ หลังจากประมวลข้อมูลแล้วนำเรียน ผบ.ตร.ทราบ เพื่อส่งเรื่องต่อให้ตำรวจกองปราบดำเนินการจับกุมตามขั้นตอนต่อไป