xs
xsm
sm
md
lg

อีโง่-ใครโง่ / จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจากอินเทอร์เน็ต
 
โดย...จรูญ  หยูทอง-แสงอุทัย 
 
ประเด็นที่กำลังถกเถียงกันระหว่าง นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ผู้นำฝ่ายค้าน กับฝ่ายสนับสนุนนายกฯ ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  กรณีที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวบนเวที “ผ่าความจริง” ถึงพฤติการณ์ของนายกรัฐมนตรีที่ถูกแปรความว่า  นายอภิสิทธิ์ กล่าวพาดพิงถึงนายกรัฐมนตรี ที่พวกเขารักและศรัทธา  และเป็นการดูถูก  ลบหลู่ดูหมิ่นเกียรติสตรี  ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้หมายความอย่างนั้น ถ้าอีกฝ่ายเข้าใจอย่างนั้นก็ให้ไปแก้ปัญหากันเอง  พร้อมทั้งกล่าวสำทับว่า  พจนานุกรมไทยหลังจากนี้คงบางลงอีกมากเพราะมีหลายคำที่พูดไม่ได้  เช่น  คำว่า  “แรด  ฯลฯ”
 
นายอภิสิทธิ์ จะพูดพาดพิงนายกยิ่งลักษณ์ หรือไม่ก็ตามที  แต่ยืนยันได้ว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่โง่หรอกครับ  เพราะคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง  ไม่ว่าจะในระดับ  อบต.  ส.ท.  นายกเทศมนตรี  ส.ส.  หรือ ส.ว.   รัฐมนตรี  ผู้ช่วยรัฐมนตรี  ฯลฯ   ไม่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารใดๆ ให้เป็นที่ปรากฏแก่สาธารณชน  หาเสียงแค่สี่สิบห้าวัน  ปราศรัยไม่กี่ชั่วโมง  โดยมีพี่เลี้ยงผู้มากประสบการณ์ล้อมหน้าล้อมหลัง  ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว  อย่างนี้หรือที่เรียกว่า “โง่”
 
คนโง่ที่แท้จริงน่าจะคือพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งชาตินั่นต่างหาก  โดยเฉพาะคนที่ทนร่วมสังฆกรรมเป็นรัฐบาลร่วมกับนายกรัฐมนตรีคนแรกของโลก  ที่มีประสบการณ์แตกต่างกับผู้นำในระดับเดียวกันทั่วโลก (เท่าที่เคยเห็นมา)  ประชาชนคนไทยที่ทนยอมรับนายกรัฐมนตรีที่ไม่เหมือนผู้นำประเทศใดในโลกให้มาบริหารประเทศได้อย่างไม่น่าเชื่อ
 
ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน  และเป็นประเทศชั้นนำในอาเซียนเพียงประเทศเดียวที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้น  หรืออาณานิคมของชาติตะวันตกในยุคที่ประเทศเพื่อนบ้านไม่มีประเทศใดรอดพ้นจากเงื้อมมือของฝรั่งนักล่าอาณานิคม  จะมายอมรับผู้นำระดับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันได้อย่างศิโรราบ  โดยเฉพาะบรรดาผู้เป็นระดับมันสมอง  และมากบารมีระดับที่ทั่วโลกยอมรับนับถือ  ทั้งหัวดำ  หัวหงอกทั้งหลาย
 
อะไรทำให้คนไทยทนกับความไม่สมประกอบเหล่านี้ได้  นอกเหนือจากตรรกะอันตื้นเขินที่ว่า “หล่อนมาจากการเลือกตั้ง” “เป็นกติกาในระบอบประชาธิปไตยอันเป็นสากล”  ทั้งๆ ที่ประเทศนี้ไม่เคยมีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี  เราเพียงแต่เลือก ส.ส.  แล้วประเพณีปฏิบัติคือ ให้หัวหน้าพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาล  และเป็นนายกรัฐมนตรี
 
ที่ผ่านมา เราไม่ได้เลือกนายกรัฐมนตรี  และนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร  แต่ทำไมหล่อนจึงได้เป็นนายกรัฐมนตรี  และไม่มีใครมีความเห็นเป็นอย่างอื่น  คุณสมบัติประการเดียวที่หล่อนได้เป็นนายกรัฐมนตรี  ไม่ใช่เพราะได้รับเลือกตั้งจากประชาชน  ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่เพียงเพราะหล่อนเป็นน้องสาวของอดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคนี้  และเป็นคนที่อดีตนายกรัฐมนตรีเลือกให้หล่อนเป็น  หลังจากที่เลือกคนอื่นรวมทั้งน้องเขยมาแล้ว  แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น
 
 
คนอย่างนี้หรือครับที่จะถูกสบประมาทว่าเป็น “อีโง่” ตามที่บางคนเข้าใจ  ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกครับ  ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีนอนหลับให้สนิทเถอะครับ  ไม่ต้องออกมาตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนขอยืนยันว่า ท่านนายกรัฐมนตรี ไม่โง่อย่างแน่นอน  เพราะมีคนที่โง่กว่าท่านค่อนประเทศที่ทนทุกข์ทรมาน  และสุ่มเสี่ยงให้ท่านนำพาประเทศชาติบ้านเมือง  และฝากอนาคตของลูกหลานไว้ในกำมือของคนที่ขาดประสบการณ์  และความเหมาะสมในเกือบทุกด้านอย่างท่าน
 
ว่าไปแล้ว  ประเทศนี้ไม่ได้สุ่มเสี่ยงเพียงเพราะมีผู้นำระดับประเทศที่ขาดประสบการณ์  และมีความอ่อนด้อยกว่าผู้นำประเทศอื่นๆ ทั่วโลกหรอก  แต่ประเทศนี้ยังมีผู้นำระดับอื่นๆ ที่สุ่มเสี่ยงต่อความหายนะอีกมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นนักปกครองระดับอำเภอ  จังหวัด  กรม  กระทรวง  ที่ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับประชาชนเจ้าของประเทศ  เพื่อเอาใจนาย หรือนักการเมือง  นักบริหารระดับผู้อำนวยการ  อธิการบดี  นักวิชาการระดับ ผศ.รศ. และ ศ. ที่ประจบสอพลอนักการเมือง  เลียแข้งเลียขานักการเมือง  เรามีนายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสภามหาวิทยาลัยที่ด้อยวุฒิภาวะ และขาดจิตสำนึกต่อผลประโยชน์สาธารณะอีกมากมาย  เรามีนักกฎหมายที่ขาดคุณธรรม  มีนักพรตนักบวชอลัชชี  และมีผู้ไม่สมประกอบอยู่ในโครงสร้างอำนาจอีกมากมาย  คอยขับเคลื่อนประเทศชาติสู่ความหายนะในอีกไม่นานวันข้างหน้านี้
 
ความน่าเป็นห่วงของสังคมไทยในขณะนี้คือ เรากำลังอยู่ในสังคมแบบ “เดรัจฉานนิเวศ” มากกว่าสังคมแบบ “มนุษยนิเวศ”  ประชาชนคนส่วนใหญ่ที่ด้อยอำนาจวาสนา  ไม่อาจจะพึ่งพาอำนาจใดในสังคมได้  ไม่ว่าจะเป็นอำนาจบริหาร  อำนาจนิติบัญญัติ  หรืออำนาจตุลาการ  คำขวัญของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่รัฐบุรุษประชาธิปไตยเคยประกาศว่า “เป็นการปกครองของประชาชน  โดยประชาชน  และเพื่อประชาชน”  ไม่อาจจะใช้ได้ในประเทศนี้อีกต่อไปแล้ว  เพราะประชาชนเข้าไม่ถึงอำนาจอธิปไตยเหล่านั้น
 
เรากำลังก้าวสู่สังคมอนารยะ  โดยการสวมครอบด้วยคราบเงาของอารยะ  เราเป็นประชาธิปไตยโดยรูปแบบ  แต่เป็นเผด็จการโดยเนื้อหา  คำว่า “คุณธรรม”  “ศีลธรรม”  เป็นแค่น้ำยาบ้วนปากของนักจริยธรรมจอมปลอมที่พูดคำเหล่านี้  เพียงเพื่อให้ดูดีมีอารยะเท่านั้น
 
อันที่จริง “ความจน” และ “ความโง่” มันไม่ใช่ความผิด บาป  แต่ความเลว ความชั่วช้าสามานย์ต่างหาก  เป็นเรื่องที่น่าเกลียด และเหยียดหยาม  ดังนั้น คำว่า “อีโง่” จึงไม่น่าเกลียด น่ากลัว และน่าขยะแขยงเท่ากับคำว่า “อีเลว” หรือ “อีชั่ว” หรอกครับ  อย่ามัวเสียเวลาถกเถียงเอาชนะกันด้วยวาทกรรมเหล่านี้เลยครับ  “เมื่อไฟกำลังไหม้ป่า  เผาบ้านเผาเมือง  และข้าศึกกำลังประชิดรอบรั้วบ้าน  ไยมานั่งโต้วาทีกันบนซากศพของเพื่อนร่วมชาติผู้ทุกขเวทนาด้วยความอดอยากหิวโหย”  ให้อุจาดตาเช่นนี้.
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น