ระนอง - คลื่นลมแรงในทะเลอันดามันพลิกเรือหางยาวขน 28 พม่าล่มกลางทะเลระนอง หนีตายกันอลหม่านก่อนขึ้นฝั่งเกาะพยาม จนท.เร่งช่วยพร้อมตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบหนังสือเดินทาง จึงส่งให้ตำรวจควบคุมตัวดำเนินคดี
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (12 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า จากเหตุคลื่นลมแรงในทะเลอันดามัน ส่งผลให้เรือหางยาวนำพาแรงงานชาวพม่า จำนวน 28 ราย เกิดล่มกลางทะเล ทำให้บรรดาชาวพม่าต่างลอยคอ และว่ายน้ำหนีตายกันอย่างอลหม่านมาขึ้นเกาะพยาม ขณะที่บางส่วนติดอยู่ตามแนวโขดหิน และได้รับบาดแผลจากถูกเปลือกหอยบาดตามท่อนแขน ท่อนขา ฝ่ามือ และฝ่าเท้า ชาวบ้านเกาะพยาม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยต่างช่วยกันนำขึ้นฝั่ง และนำยาแดงมาทาแผล พร้อมใช้ผ้าก๊อซพันปิดแผล ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบเอกสารกลับไม่พบหนังสือ หรือเอกสารเดินทาง จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากน้ำระนอง ต้องควบคุมตัวมาดำเนินคดี ในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
เบื้องต้นจากการสอบถาม นางมะโช อายุ 25 ปี ลูกจ้างแรงงานชาวพม่าในจังหวัดระนอง พี่สาวของ นายอู่ตะท่อง ที่ถูกช่วยเหลือ และควบคุมตัวมาดำเนินคดี กล่าวว่า น้องชายและเพื่อนชาวพม่าเดินทางกลับมาจากประเทศพม่าโดยอาศัยเรือหางยาวว่าจ้างจากจังหวัดเกาะสอง ประเทศพม่า เพื่อไปส่งปลายทางที่ตำบลนางย่อน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ในราคาหัวละ 500 บาท ขณะที่ช่วงเช้าเกิดคลื่นลมพัดแรง เป็นเหตุทำให้เรือหางยาวพลิกคว่ำ กระเป๋า และสัมภาระต่างๆ จมหายไปพร้อมกับเรือกลางทะเล แต่อาศัยว่ายน้ำเป็นกันทุกคนจึงต่างพยุงตัวลอยคอ และคลื่นซัดเข้าหาฝั่งที่เกาะพยาม บางคนว่ายน้ำไปติดโขดหินที่มีเปลือกหอยแหลมคมบาด ทั้งท่อนแขน ท่อนขา ฝ่ามือ และฝ่าเท้า ก่อนชาวบ้านบนเกาะจะมาช่วยนำตัวไปรักษาทายาแดง และพันผ้าก๊อซห้ามเลือดให้
ส่วนคนขับเรือหลังเกิดเหตุได้มีเรือหางยาวอีกลำขับมารับ แล้วรีบขับหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากน้ำระนอง จึงได้ควบคุมตัวชาวพม่าทั้ง 28 คน ดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายต่อไป โดยบางส่วนมีญาติพี่น้องที่เป็นชาวพม่าที่ทำงานอยู่ที่จังหวัดระนองเมื่อทราบข่าวได้เดินทางมาเยี่ยม และซื้อข้าวกล่อง น้ำดื่มมาให้