ปัตตานี – ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น และอดีต ส.ส.ปัตตานี ยืนยันไม่เห็นด้วยกับการประกาศยกเลิกพืชกระท่อมเป็นยาเสพติด หวั่นจะทำให้ “สี่คูณร้อย” ระบาดในพื้นที่หนักยิ่งกว่าเดิม ชี้ผู้ก่อเหตุไม่สงบมักดื่มก่อนลงมือเพื่อสร้างความฮึกเหิมด้วย
นายดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลาม จ.ปัตตานี กล่าวแสดงความเห็นว่า ไม่เห็นด้วยถ้ารัฐบาลจะยกเลิกใบกระท่อมเป็นยาเสพติดประเภท 5 เพราะจะทำให้เกิดอันตรายมากกว่า โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากในปัจจุบันได้มีการนำพืชกระท่อมมาผสมเป็นสิ่งที่ออกฤทธิ์มึนเมา ถึงแม้ว่าในอดีตจะมีการใช้เพื่อเป็นยาบำรุงกำลัง ดังนั้น ถ้ารัฐบาลไม่มีมาตรการการป้องกันควบคุม ปล่อยให้มีการใช้เป็นเรื่องธรรมดาก็จะก่อให้เกิดปัญหาในพื้นที่ ซึ่งตนไม่เห็นด้วย และในทางวิชาการก็ได้มีการวินิจฉัยแล้วว่าเป็นสิ่งมึนเมา ส่งผลต่อสติปัญญา ในหลักการอิสลามห้ามอยู่แล้ว
“รัฐบาลจะทำในเรื่องนี้ต้องรอบคอบ และต้องมีมาตรการที่สามารถควบคุมได้ ถ้าไม่สามารถควบคุมได้ก็อย่าทำ ความจริงมีปัญหาเรื่องอื่นๆ อีกเยอะแยะที่รัฐบาลควรไปทำแต่กลับไม่ทำ”
ขณะเดียวกัน นางสุนิศา นุ้ยสามัญ เลขาชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.หนองจิก จ.ปัตตานี กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้เยาวชนติดยาเสพติดน้ำกระท่อมมากขึ้น ตนอยู่ในหมู่บ้านรู้ดีว่าขณะนี้ก็มีการต้มผสมเป็นยาเสพติดสี่คูณร้อย แปดคูณร้อย กินกันอย่างแพร่หลาย กลายเป็นปัญหาในชุมชนที่แก้ยาก หากปล่อยไม่ควบคุมจะก่อปัญหามากขึ้น และความจริงรัฐบาลควรออกกฎหมายลงโทษให้หนักขึ้น เพราะทุกวันนี้เวลาจับพวกติดยาเสพติดกลุ่มนี้เจ้าหน้าที่จะปล่อยตัว หรือมีการลงโทษที่เบา ทำให้เยาวชนในพื้นที่ติดยาเสพติดประเภทนี้มาก กลายเป็นปัญหาของสังคม
ทางด้าน นายวัยโรจน์ พิพิธภักดี อดีต ส.ส.ปัตตานี หลายสมัย กล่าวแสดงความเห็นไม่เห็นด้วยเช่นกัน เพราะจะส่งผลกระทบเกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะว่าในพื้นที่โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน และประชาชนทั่วไปมีการนำมาผสมกับน้ำโค้ก และส่วนผสมอื่นๆ ดัดแปลงเป็นยาเสพติดอันตรายต่อร่างกาย สิ่งที่น่าเป็นห่วงนั้น เราพบว่าคนที่ก่อเหตุความรุนแรงบางคนกินน้ำกระท่อมเพื่อให้เกิดความกล้าก่อนที่จะลงมือก่อเหตุ ตนจึงไม่สนับสนุนนโยบายนี้แน่นอน