ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตำรวจ สภ.ทุ่งตำเสา และชุดสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 9 สามารถติดตามตัวเจ้าของรถยนต์ที่ขับชนน้องปีต้าเด็กหญิงวัย 4 ขวบได้แล้ว หลังพยายามแกะรอยจากภาพกล้องวงจรปิด 17 วัน เหตุการณ์จบลงด้วยดีทั้งคนชน และพ่อแม่ของน้องปีต้าหลั่งน้ำตาจับมือให้อภัยแก่กันเพราะเป็นอุบัติเหตุสุดวิสัย
ความคืบหน้ากรณี ด.ญ.ซาเฟียร่า มืดมาก หรือน้องปีต้า อายุ 4 ปี ถูกรถกระบนชนเสียชีวิต บริเวณสามแยกบ้านฉลุง ถนนเพชรเกษมหาดใหญ่-รัตภูมิ หมู่1 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ต่อหน้าต่อหน้า นายสำราญ มืดมาก อายุ 36 ปี และนางวันดี จิสวัสดิ์ อายุ 33 ปี พ่อและแม่ ขณะที่น้องปีต้ าวิ่งข้ามถนนเพื่อไปหาพ่อที่อยู่อีกฝั่งถนน ส่วนคู่กรณีได้หลบหนีไป
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (27 ส.ค.) พ.ต.อ.ศุภชัย ฟื้นพานิช ผกก.สภ.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ต.ท.ธนิต แสนเจริญ รอง ผกก.ป. และ พ.ต.ท.ดำรงค์ วังแก้ว สว.สส. ร่วมกับชุดสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 9 สามารถติดตามตัวคู่กรณีที่ขับรถชนน้องปีต้าได้แล้ว ทราบชื่อคือ นายปรินทร์ หมันนาเกลือ อายุ 34 ปี อยู่เลขที่ 60 ม.1 ต.แป-ระ อ.ท่าแพ จ.สตูล พร้อมรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บจ 108 สตูล คันที่ขับชนซึ่งกำลังนำไปซ่อมที่อู่โดยมีรอยตำหนิบริเวณหน้ารถด้านซ้ายจากการชน น้องปีต้า จนฝาเครื่องเปิดไฟหน้าแตก และไฟเบอร์แตก
เจ้าหน้าที่จึงนำมาเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน หลังใช้เวลา 17 วัน พยายามแกะรอยจากภาพกล้องวงจรปิดตามเส้นทางเกิดเหตุ จนพบเบาะแสของรถ และติดตามจนกระทั่งพบตัว นายปรินทร์ ที่บ้านพัก และยอมรับสารภาพต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยระหว่างการเข้ามอบตัว นายปรินทร์ ได้เข้าขอขมา นายสำราญ และนางวันดี พ่อและแม่ของน้องปีต้า ซึ่งทั้ง 3 คนต่างจับมือหลั่งน้ำตา และอภัยให้แก่กันท่ามกลางความยินดีของตำรวจ และญาติทั้ง 2 ฝ่าย เพราะเป็นอุบัติเหตุสุดวิสัย เนื่องจาก น้องปีต้า วิ่งข้ามถนนไปหาพ่อกะทันหัน
ทั้งนี้ นายปรินทร์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทางบริษัทประกันบอกว่าให้เก็บตัวเงียบ แต่ตนรู้สึกผิด และไม่สบายใจ และคิดที่จะเข้ามอบตัวตลอดเวลา เพราะตนเองก็มีลูกสาววัย 4 ขวบเช่นกัน และพร้อมที่จะรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามกระบวนการของกฎหมาย
ขณะที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา นายปรินทร์ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและหลบหนี และทำการสอบปากคำก่อนปล่อยตัวไป เนื่องจากคดีนี้เพิ่งจะทราบว่า นายปรินทร์ เป็นผู้กระทำผิดจึงยังไม่ได้ออกหมายจับ และไม่สามารถควบคุมตัวไว้ได้
พ.ต.อ.ศุภชัย ฟื้นพานิช ผกก.สภ.ทุ่งตำเสา เปิดเผยว่า คดีนี้ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่เหตุที่ล่าช้าเนื่องจากต้องตามแกะรอยหาภาพรถยนต์คันดังกล่าว จากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคู่กรณีจะขับหลบหนี เนื่องจากขณะเกิดเหตุ ทั้งพ่อและแม่น้องปีต้า ไม่สามารถจดจำยี่ห้อรถ และหมายเลขทะเบียนได้ จึงไม่สามารถสกัดจับรถยนต์คันดังกล่าวได้ในทันที ที่สำคัญระหว่างเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.ทุ่งตำเสา ได้เข้าช่วยเหลือน้องปีต้า และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที
