นครศรีธรรมราช - ม็อบชาวสวนยางเดือด ยกระดับการชุมนุม นำรถพ่วง 18 ล้อ ปิดถนนสายรองเพิ่งอีก 1 จุด และปิดเส้นทางรถไฟอีก 1 จุด ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 สั่งเตรียมกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชน เพื่อเตรียมเข้าสลายการชุมนุมแล้ว พร้อมเดินทางใน 30 นาที เมื่อได้รับคำสั่ง
หลังจากที่การเจรจาแก้ไขปัญหาราคายาง และปาล์มน้ำมันระหว่าง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ไม่ประสบความสำเร็จที่ยื่นข้อเสนอรับประกันราคายางแผ่นดิบชั้น 3 กิโลกรัมละ 80 บาท แม้ทางผู้ประสานงานกลุ่มผู้ชุมนุมจะยอมรับข้อเสนอดังกล่าว แต่ทางผู้ชุมนุมยังไม่ยอมรับ แต่กลับยื่นข้อเสนอให้ประกันราคาที่ 100 บาท จึงยังยืนยันชุมนุมและปิดถนนสายเอเชียที่สี่แยกควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช
ล่าสุด เมื่อช่วงเวลา 19.00 น. สถานการณ์ได้เริ่มบานปลายมากขึ้น เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถบรรทุก 18 ล้อไปปิดถนนเพิ่มอีกหนึ่งจุด คือ ที่แยกควนเงิน หมู่ที่ 2 ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเส้นทางดังกล่าวใช้เป็นเส้นทางสำรองสำหรับขึ้นลงภาคใต้หลังจากถนนสายเอเซียถูกปิด ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถใช้เส้นทางสำรองดังกล่าว โดยท่าทีของกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในความไม่พอใจ และไม่ยอมรับกลุ่มนำกลุ่มเดิมที่ไปตกลงราคาประกันยางพาราที่ 80 บาท
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางขึ้นลงภาคใต้ทางฝั่งอ่าวไทย หากเดินทางล่องใต้จากอำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ให้เลี้ยวซ้ายที่สามแยกสวนผัก อ.ร่อนพิบูลย์ ใช้ถนนหมายเลข 403 สายร่อนพิบูลย์-นครศรีธรรมราช เมื่อถึงสี่แยกนาพรุ อ.พระพรหม เลี้ยวขวาออกบายพาสไปยังถนนหมายเลข 408 สายนครศรีธรรมราช -หัวไทร-สงขลา ซึ่งสามารถขับรถยาวต่อไปยังจังหวัดภาคใต้ตอนล่างได้ทุกจังหวัด
ส่วนผลกระทบกับขบวนรถไฟนั้นพบว่า อยู่ในช่วงระหว่างสถานีรถไฟบ้านตูล-ชะอวด ช่วงกิโลเมตรที่ 796/5 ส่งผลให้ขบวนรถไฟ 4 ขบวนที่กำลังมุ่งหน้าขึ้นกรุงเทพฯ ประกอบด้วย สุไหงโก-ลก-กรุงเทพฯ 2 ขบวน, ยะลา-กรุงเทพฯ 1 ขบวน ต้องจอดรอที่สถานีรถไฟพัทลุง และขบวนบัตเตอร์เวิอร์ธ-กรุงเทพฯ รอที่สถานีชุมทางหาดใหญ่
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวาณิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้เรียกประชุมด่วนเจ้าหน้าที่หน่วยข่าว เพื่อตรวจสอบข้อมูล และสั่งการให้กองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เตรียมกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชน เพื่อเตรียมเข้าสลายการชุมนุมแล้ว โดยวิทยุสังการในกองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราชทุกอำเภอให้เตรียมกำลังพร้อมเดินทางใน 30 นาที เมื่อได้รับคำสั่ง และต่างเชื่อว่า หากเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมอาจส่งผลให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นได้
หลังจากที่การเจรจาแก้ไขปัญหาราคายาง และปาล์มน้ำมันระหว่าง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ไม่ประสบความสำเร็จที่ยื่นข้อเสนอรับประกันราคายางแผ่นดิบชั้น 3 กิโลกรัมละ 80 บาท แม้ทางผู้ประสานงานกลุ่มผู้ชุมนุมจะยอมรับข้อเสนอดังกล่าว แต่ทางผู้ชุมนุมยังไม่ยอมรับ แต่กลับยื่นข้อเสนอให้ประกันราคาที่ 100 บาท จึงยังยืนยันชุมนุมและปิดถนนสายเอเชียที่สี่แยกควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช
ล่าสุด เมื่อช่วงเวลา 19.00 น. สถานการณ์ได้เริ่มบานปลายมากขึ้น เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถบรรทุก 18 ล้อไปปิดถนนเพิ่มอีกหนึ่งจุด คือ ที่แยกควนเงิน หมู่ที่ 2 ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเส้นทางดังกล่าวใช้เป็นเส้นทางสำรองสำหรับขึ้นลงภาคใต้หลังจากถนนสายเอเซียถูกปิด ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถใช้เส้นทางสำรองดังกล่าว โดยท่าทีของกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในความไม่พอใจ และไม่ยอมรับกลุ่มนำกลุ่มเดิมที่ไปตกลงราคาประกันยางพาราที่ 80 บาท
ดังนั้น เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางขึ้นลงภาคใต้ทางฝั่งอ่าวไทย หากเดินทางล่องใต้จากอำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ให้เลี้ยวซ้ายที่สามแยกสวนผัก อ.ร่อนพิบูลย์ ใช้ถนนหมายเลข 403 สายร่อนพิบูลย์-นครศรีธรรมราช เมื่อถึงสี่แยกนาพรุ อ.พระพรหม เลี้ยวขวาออกบายพาสไปยังถนนหมายเลข 408 สายนครศรีธรรมราช -หัวไทร-สงขลา ซึ่งสามารถขับรถยาวต่อไปยังจังหวัดภาคใต้ตอนล่างได้ทุกจังหวัด
ส่วนผลกระทบกับขบวนรถไฟนั้นพบว่า อยู่ในช่วงระหว่างสถานีรถไฟบ้านตูล-ชะอวด ช่วงกิโลเมตรที่ 796/5 ส่งผลให้ขบวนรถไฟ 4 ขบวนที่กำลังมุ่งหน้าขึ้นกรุงเทพฯ ประกอบด้วย สุไหงโก-ลก-กรุงเทพฯ 2 ขบวน, ยะลา-กรุงเทพฯ 1 ขบวน ต้องจอดรอที่สถานีรถไฟพัทลุง และขบวนบัตเตอร์เวิอร์ธ-กรุงเทพฯ รอที่สถานีชุมทางหาดใหญ่
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวาณิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้เรียกประชุมด่วนเจ้าหน้าที่หน่วยข่าว เพื่อตรวจสอบข้อมูล และสั่งการให้กองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เตรียมกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชน เพื่อเตรียมเข้าสลายการชุมนุมแล้ว โดยวิทยุสังการในกองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราชทุกอำเภอให้เตรียมกำลังพร้อมเดินทางใน 30 นาที เมื่อได้รับคำสั่ง และต่างเชื่อว่า หากเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมอาจส่งผลให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นได้