ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชมรมร้านขายยาจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับชมรมเภสัชกร จ.ภูเก็ต และเครือข่ายจัดอบรมร้านขายยา หวังกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาในวิชาชีพเตรียมพร้อมรับประชาคมอาเซียน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (25 ส.ค.) ที่ห้องบอลรูม โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายถาวร จิรพัฒนโสภณ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานบรรยายวิชาการ PHUKET DRUGSTORE CONFERENCE 2013 (PDC-2013) หัวข้อ “ติดอาวุธ ปรับกลยุทธ์ ร้านยาไทย” ซึ่งทางชมรมร้านขายยา จ.ภูเก็ต ร่วมกับชมรมเภสัชกร จ.ภูเก็ต และเครือข่ายจัดขึ้น โดยมี นายวิชัย อรุณรักษ์รัตนะ ประธานชมรมร้านขายยาแห่งประเทศไทย ประธานชมรมร้านขายยา 14 จังหวัดภาคใต้ ชมรมร้านขายยาจังหวัดภูเก็ต ชมรมเภชัสกร จ.ภูเก็ต คณะกรรมการและสมาชิก หัวหน้าเภสัชกรโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ เจ้าของร้านขายยา บุคลากรในร้านขายยา บริษัทผู้ผลิตยา ตัวแทนจำหน่ายยา และผู้แทนขายยา จาก 14 จังหวัดภาคใต้ เข้าร่วม 600 คน ทั้งนี้ มี รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ เป็นวิทยากรบรรยายเกี่ยวกับหลักคิด และหลักปฏิบัติที่เกี่ยวเนื่องกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และการวางแผนทางด้านกลยุทธ์ การปรับกระบวนทัศน์ การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ การเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม
นายจินต์ดี สันติกยาวกูล ที่ปรึกษาชมรมร้านขายยาจังหวัดภูเก็ต ในฐานะประธานจัดทำโครงการฯ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจัดบรรยายวิชาการดังกล่าว เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้รู้จักและเข้าใจตนเองมากขึ้น ทั้งในเรื่องของมุมมอง ทัศนคติ และกลยุทธ์ในการบริหารจัดการร้านยา เพิ่มทักษะ ศักยภาพ เพื่อช่วยในการตัดสินใจให้แก่ผู้บริการร้านยา และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาในวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กลุ่มสมาชิกร้านขายยาได้พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกัน รวมถึงได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีด้วย
ด้านนายถาวร จิรพัฒนโสภณ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า เนื่องจากสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านข้อบังคับทั้งหลาย และกฎหมายใหม่ที่กำลังจะถูกบังคับใช้ สังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ คู่แข่งขัน เทคโนโลยีที่มีความทันสมัย รวมทั้งแนวคิด และระบบการจัดการที่ทันสมัย โดยยึดหลักการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน และลูกค้าเป็นหลัก รวมถึงการรุกคืบเข้ามาของทุนขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นทุนไทย หรือทุนข้ามชาติ ตลอดจนการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 10 ประเทศ โดยประเทศไทยประกาศเป็นศูนย์กลางบริการด้านสุขภาพนานาชาติ จากหลายเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นจำเป็นที่เราจะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง