xs
xsm
sm
md
lg

“ชาติ จินดาพล” โต้เบ่งเรียกเงิน-ปูดผู้ประกอบการป่าตองจ่ายส่วยเดือนละ 50 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ชาติ จินดาพล” ที่ปรึกษาผู้แทนการค้าไทยโต้ข้อกล่าวหาอ้างรู้จักผู้ใหญ่ในรัฐบาลขมขู่เรียกเงินจากผู้ประกอบการในพื้นที่ป่าตอง ยืนยันไม่เป็นความจริง ตรวจสอบแล้วชมรมผู้ประกอบการที่สุจริตไม่มีตัวตน เชื่อเป็นบุคคลเสียผลประโยชน์ที่ออกมาเคลื่อนไหวยื่นหนังสือร้องเรียน พร้อมเผยเคยได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการต้องจ่ายส่วยถึง 17 หน่วยงาน คาดว่าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

จากกรณีชมรมผู้ประกอบการที่สุจริต หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ ถึงประธานชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดภูเก็ต ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมคนของรัฐบาล โดยใจความของหนังสือระบุว่า “ตอนนี้ผู้ประกอบอาชีพที่ทำมาหากินอย่างสุจริตที่หาดป่าตอง ได้รับความเดือดร้อนการเรียกรับ-ข่มขู่ กลั่นแกลงจาก นายชาติ จินดาพล อ้างว่าเป็นที่ปรึกษาผู้แทนการค้าไทย ซึ่งไม่ทราบว่ามีตำรวจ โดยเรียกรับผลประโยชน์ และเคลียร์เรื่องต่างๆให้ เนื่องจากรู้จักผู้ใหญ่ในรัฐบาลนี้และจะเป็นผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต และอ้างว่า ข้าราชการปกครอง ตำรวจ อยู่ในมือ ใครไม่ให้ความร่วมมือจะต้องเดือดร้อน จึงอยากให้ตรวจสอบพฤติกรรมด้งกล่าวเพราะทำตัวเหมือนแก๊งรีดไถ ผู้ประกอบอาชีพที่สุจริตเดือดร้อนจากพฤติกรรมข่มขู่ วางมาด จะให้ดีเอสไอเล่นงาน เรื่องลิขสิทธิ์ เรื่องแรงงานต่างด้าว”

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายชาติ จินดาพล ที่ปรึกษาผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า เรื่องของหนังสือร้องเรียนจากผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นชมรมผู้ประกอบการที่สุจริตหาดป่าตองนั้น ตนทราบเรื่องแล้วว่ามีผู้ที่ยื่นหนังสือร้องเรียน และหลังจากนั้นก็ได้สอบถามไปยังเทศบาลถึงความมีตัวตนของชมรมที่ร้อง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ไม่มีชมรมดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ทราบแล้วว่าใครเป็นคนทำหนังสือโดยอ้างผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ แต่เป็นบุคคลที่เสียผลประโยชน์จากกรณีที่ตนลงมาเปิดศูนย์รับเรืองร้องเรียนกรณีการเรียกเก็บเงิน หรือกรณีที่ผู้ประกอบการไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งคนคนนี้ทำงานอยู่ในหน่วยงานรัฐหน่วยงานหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม การทำงานของตนนั้นไม่ได้หวังอะไรมาก มาลงพื้นที่ก็เพียงต้องการให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด เพื่อเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกรีดไถจากข้าราชการจากบางหน่วยงาน และที่ผ่านมา ตนเคยลงพื้นที่ซอยบางลาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น เรื่องการเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการไม่มีแน่นอน และที่สำคัญ ข้าราชการปกครอง ตำรวจ ตนไม่สามารถสั่งได้ว่าจะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ ตนทำงานด้วยความสุจริต พร้อมยืนยันไม่ลงสมัคร ส.ส. แน่นอน

ส่วนกรณีคนที่ทำหนังสือร้องเรียนนั้นทราบแล้วว่าเป็นใคร และอยู่หน่วยงานไหน ซึ่งขณะนี้ทราบว่ากำลังถูกหน่วยงานต้นสังกัดเรียกไปสอบสวนอยู่ ซึ่งบุคคลดังกล่าวนั้นเท่าที่ทราบ และได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการพบว่า มีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินจากผู้ประกอบการในพื้นที่ป่าตองทั้งสถานบันเทิง ร้านค้าที่ใช้แรงงานต่างด้าว และร้านจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เดือนละประมาณ 3 ล้านบาท โดยอ้างชื่อของหน่วยงานที่ตัวเองสังกัดเรียกเก็บโดยที่ไม่มีการส่งให้ข้างบน

นายชาติ กล่าวต่อไปว่า สำหรับปัญหาการเรียกรับส่วยในพื้นที่ป่าตองนั้นที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการสถานบันเทิง และผู้ประกอบการในพื้นที่ว่า มีหน่วยงานต่างๆ เข้าไปเรียกเก็บส่วยมากถึง 17 หน่วยงาน ซึ่งคาดว่าแต่ละเดือนผู้ประกอบการต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท โดยจะอ้างเรื่องของการเปิดสถานบันเทิงเกินเวลา เรื่องสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เรื่องของแรงงานต่างด้าว และเรื่องอื่นๆ อีกจำนวนมาก ซึ่งเรื่องนี้เคยให้ผู้ประกอบการร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตแล้ว

อย่างไรก็ตาม สำหรับในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะพื้นที่ป่าตองนั้นถ้าจะแก้ไขปัญหาเรื่องของการเรียกรับส่วยตนคิดว่าควรที่จะโซนนิ่งเป็นพิเศษ เพราะป่าตองเป็นเมืองท่องเที่ยวที่คนมาเที่ยวมีพฤติกรรมมาเที่ยวไม่เหมือนกับที่อื่น คนที่มาป่าตองส่วนใหญ่จะเริ่มในเวลาประมาณ 20.00 น. เป็นต้นไป จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมาแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการ เอาสิ่งที่อยู่ใต้พรมขึ้นมาอยู่บนพรม และเรียกเก็บภาษีเอารายได้เข้ารัฐดีกว่าที่จะให้คนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมาเรียกเก็บส่วยจากผู้ประกอบการแล้วเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง หรือพรรคพวกตัวเอง
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น