อุทยานเจ้าไหมรื้อห้องพักแกนนำเพื่อไทย

ตรัง - อช.เจ้าไหมตรัง นำหมายบังคับคดีศาลตรัง เข้ารื้อถอนห้องพัก 5 ห้อง และบ้านของ อดีต ปธ.ผู้ประสานงานการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย เขต 4 และผู้ใกล้ชิดอดีต รมว.ศธ. ข้อหารุกพื้นที่

เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (22 ส.ค.) นายวิวิทย์ สุขกาล เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดี จ.ตรัง พร้อมด้วย นายพิจิตร เพชรสังข์ เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส หัวหน้ากลุ่มงานกฎหมาย สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 จ.นครศรีธรรมราช ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม (อช.) จ.ตรัง กว่า 20 นาย และหมายบังคับคับคดีของศาล จ.ตรัง ที่มีอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง เข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เป็นห้องพัก จำนวน 5 ห้อง และบ้าน 1 หลัง ที่รุกล้ำเขต อช.หาดเจ้าไหม ของ นายสมนึก เซ่งง่าย อายุ 54 ปี อดีตประธานผู้ประสานงานการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย เขต 4 ผู้ใกล้ชิดอดีต รมว.ศึกษาธิการ ตั้งอยู่เลขที่ 155/4 ม.4 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา ตามคำสั่งศาล จ.ตรัง

โดยในการเข้ารื้อถอนครั้งนี้ นายสมนึก พยายามนำเอกสารการพิสูจน์ตามมติ ครม. 30 มิ.ย.41 มายืนยันต่อทางเจ้าหน้าที่ พร้อมกับขอเวลา 3 วัน เพื่อเข้าพบอธิบดีกรมอุทยานฯ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยินยอม เนื่องจากศาลสั่งบังคับคดีมาแล้วไม่สามารถประวิงเวลาได้อีก และเมื่อต่อรองไม่ได้ผล นายสมนึก ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่นำภาพถ่ายที่ศาลสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเมื่อปี 2551 มายืนยันกับตนก่อน จึงจะยินยอมให้รื้อถอน เพราะตนมี 2 คดี จึงกลัวว่าเจ้าหน้าที่จะรื้ออาคารผิด กระทั่งผ่านไปกว่า 30 นาที นายสมนึก จึงยินยอมให้เจ้าหน้าที่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดได้

ด้าน นายสมนึก เซ่งง่าย ประธานผู้ประสานงานการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย เขต 4 ผู้ใกล้ชิดอดีต รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนอยู่ที่นี่มา 13 ปีแล้ว โดยในปี 2551 ตนก็ถูกเจ้าหน้าที่ (อช.) จ.ตรัง จับกุมดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกอุทยานฯ และศาล จ.ตรัง ก็มีคำสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด ซึ่งตนก็ได้รื้ออาคาร และสิ่งปลูกสร้างไปแล้ว ต่อมา คณะกรรมการทั้ง 3 ชุด ประกอบด้วย ชุดท้องถิ่น ชุดเขต และชุดกรม (อช.) ได้มาสำรวจพิสูจน์สิทธิเสร็จแล้ว และได้ยืนยันแผนที่ทางอากาศว่า พื้นที่ที่ตนครอบครองประมาณ 1.25 ไร่ นั้น อยู่ก่อนประกาศเป็นเขต อช. ตนจึงก่อสร้างเป็นห้องพักปรับอากาศไว้บริการนักท่องเที่ยว จำนวน 5 ห้อง และมาถูกเจ้าหน้าที่ อช.เจ้าไหม จ.ตรัง จับกุมดำเนินคดีในปี 2553 ต่อมา อัยการ จ.ตรัง มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องโดยเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยืนยันจะรื้อถอน และขับไล่ให้ตนออกจากพื้นที่ให้ได้ ทั้งที่ในปี 2552 ตนเป็นตัวแทนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ได้ทำบันทึกข้อตกลงกับอธิบดีกรมอุทยานฯ ว่า ชาวบ้านสามารถทำกิน และอยู่อาศัยได้ตามมติ ครม. 30 มิ.ย.41 จนกว่าการพิสูจน์จะแล้วเสร็จ ซึ่งขณะนี้การพิสูจน์สิทธิเสร็จเรียบร้อยแล้ว ว่า ตนอยู่ก่อนประกาศเป็นเขต อช. และก็ยังมีหลักฐานเป็นเอกสารหนังสือพิสูจน์สิทธิตามมติ ครม.30 มิ.ย.41 ซึ่งหลังจากนี้ตนจะไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.สิเกา ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ เพราะห้องพักทั้ง 5 ห้องนี้ อัยการ จ.ตรัง สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว

ขณะที่ นายพิจิตร เพชรสังข์ หัวหน้ากลุ่มงานกฎหมาย สำนักบริหารอนุรักษ์พื้นที่ที่ 5 จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนได้รับมอบอำนาจจาก นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ประสานไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดี จ.ตรัง นำเจ้าหน้าที่ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำ อช. ตามคำพิพากษาของศาล จ.ตรัง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้แจ้งให้ นายสมนึก และบริวาร รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างแล้ว และออกจากพื้นที่ให้ทราบแล้ว ซึ่งต่อมา ทาง นายสมนึก ได้แจ้งต่อสำนักงานบังคับคดี จ.ตรัง ว่า จะขอรื้อถอนห้องพักทั้ง 5 ห้อง และบ้านอีก 1 หลังเอง เพราะจะได้นำวัสดุอุปกรณ์ไปใช้ต่อ

แต่ผ่านมา 2 ปีแล้ว นายสมนึก ก็ยังไม่ดำเนินการ ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องเข้ามารื้อถอนเอง ซึ่งได้กระทำด้วยความระมัดระวังไม่ให้ทรัพย์สินเสียหาย ส่วนการที่ นายสมนึก เห็นว่าการรื้อถอนครั้งนี้ไม่เป็นธรรม ก็สามารถใช้สิทธิไปเรียกร้อง หรือเรียกค่าเสียหายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้