ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผกก.ตม.ภูเก็ต สั่งเพิ่มมาตรการเข้มห้องควบคุมผู้ถูกกักกัน หลังชาวโรฮิงญา 36 คนหนีออกไปได้ พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยเจ้าหน้าที่ที่อยู่เวรแล้ว ขณะที่การตามจับชาวโรฮิงญาที่ยังหลบหนีอยู่อีก 21 คน แบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็น 2 ทีมออกตามแล้ว มั่นใจยังอยู่ในภูเก็ต วอนคนให้ความช่วยเหลือแจ้งเจ้าหน้าที่รับตัวดำเนินคดี
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (14 ส.ค.) ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ ผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ได้ชี้แจงกรณีชาวโรฮิงญา ซึ่งป็นผู้ต้องกักหลบหนีออกจากห้องควบคุมด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต จำนวน 36 คน จากจำนวนทั้งหมด 38 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า สำหรับชาวโรฮิงญาทั้งหมด ได้รับการช่วยเหลือจากทหารเรือ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเรือที่อาศัยมาล่มที่เกาะโหลน อ.เมือง จ.ภูเก็ต และนำตัวมากักที่ห้องควบคุมด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ตเพื่อรอการผลักดันกลับ ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุชาวโรฮิงญาหลบหนีนั้นมีเจ้าหน้าที่เข้าเวรจำนวน 2 คน ซึ่งขณะนี้ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสืบสวนวินัย และข้อเท็จจริงกรณีผู้ต้องกักหลบหนีจากที่ควบคุมแล้ว
ส่วนการติดตามจับกุมผู้ต้องกักชาวโรฮิงญาที่หลบหนีออกจากห้องควบคุมนั้น จนถึงขณะนี้สามารถตามจับมาได้แล้ว 15 คน ยังเหลือชาวโรฮิงญาที่อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมอีก 21 คน สำหรับ 15 คน ที่จับกุมได้ในขณะนี้สามารถจับกุมได้จากหลายจุด ทั้งบริเวณตลาดเกษตร มัสยิดบริเวณตัวเมือง และป่าโกงกางบริเวณสะพานหิน ส่วนการติดตามจับกุมคนที่ยังหลบหนีอยู่นั้นได้แบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็น 2 สายหาชาวโรฮิงญาโดยมุ่งไปตามมัสยิดต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต และชุมชนชาวมุสลิมในพื้นที่ และในการติดตามชาวโรฮิงญานั้นทางเจ้าหน้าที่อยากขอความร่วมมือจากชาวบ้าน โดยเฉพาะชาวมุสลิมให้ช่วยแจ้งเบาะแสแก่ทางเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะหนีไปอยู่ในกลุ่ม หรือสถานที่ที่นับถือศาสนาเดียวกัน
พ.ต.อ.สัญชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับชาวโรฮิงญาที่จับกุมมาได้แล้ว 15 คน ส่งตัวดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตแล้ว ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการส่งฟ้องศาล แต่อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า กรณีชาวโรฮิงญาหนีออกจากห้องควบคุมที่จังหวัดสงขลา พบว่ามีการตัดสินไปแล้ว โดยศาลตัดสินสั่งจำคุก 1 เดือน และปรับ 5 พันบาท อย่างไรก็ตาม สำหรับในส่วนของจังหวัดภูเก็ต ต้องรอให้ศาลตัดสินก่อน ส่วนการป้องกันไม่ให้ผู้ต้องกักหลบหนีจากห้องควบคุมนั้นขณะนี้ได้เพิ่มความแข็งแรงของห้องควบคุมแล้ว ทั้งเสริมเหล็ก และซ่อมผนังห้องน้ำ ที่ถูกชาวโรฮิงญาทุบหลบหนีออกไป รวมทั้งฝ้าบริเวณหลังคาซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ชาวโรฮิงญาหนีออกไปได้ก็ได้เสริมเหล็กเข้าไปแล้วเช่นกัน
สำหรับสาเหตุการหลบหนีของชาวโรฮิงญานั้น พ.ต.อ.สัญชัย กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากความเครียดที่ถูกกักขังเป็นเป็นนานประมาณ 6 เดือนแล้ว รวมทั้งเชื่อว่าได้รับแรงยุจากคนบางกลุ่มที่มาเยี่ยมในช่วงที่ถูกกักตัวอยู่ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นขวนการ สำหรับการหลบหนีเชื่อว่าน่าจะมีการเตรียมตัวกันมาระยะหนึ่งเพราะจากการตรวจสอบมีความพยายามในการแซะปูนบริเวณห้องน้ำแบบทำไปเรื่อยๆ และใช้ผ้าขาวม้าบังไว้ และอาศัยช่วงที่เจ้าหน้าที่เผลอหลบหนีออกไป อย่างไรก็ตามในช่วงที่ชาวโรฮิงญาถูกกักตัวอยู่นั้น ได้มีการดูแลเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องอาหาร เรื่องสุขภาพ นำมาออกกำลังกาย แต่มาระยะหลังเริ่มเรียกร้องที่จะออกมาข้างนอก ไปตลาด และขอโทรศัพท์ไปหาญาติพร้อมกัน ซึ่งบ้างเรื่องไม่สามารถที่จะอนุญาตให้ทำได้ ทำให้เขาเกิดความเครียด
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (14 ส.ค.) ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ ผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ได้ชี้แจงกรณีชาวโรฮิงญา ซึ่งป็นผู้ต้องกักหลบหนีออกจากห้องควบคุมด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต จำนวน 36 คน จากจำนวนทั้งหมด 38 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า สำหรับชาวโรฮิงญาทั้งหมด ได้รับการช่วยเหลือจากทหารเรือ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเรือที่อาศัยมาล่มที่เกาะโหลน อ.เมือง จ.ภูเก็ต และนำตัวมากักที่ห้องควบคุมด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ตเพื่อรอการผลักดันกลับ ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุชาวโรฮิงญาหลบหนีนั้นมีเจ้าหน้าที่เข้าเวรจำนวน 2 คน ซึ่งขณะนี้ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสืบสวนวินัย และข้อเท็จจริงกรณีผู้ต้องกักหลบหนีจากที่ควบคุมแล้ว
ส่วนการติดตามจับกุมผู้ต้องกักชาวโรฮิงญาที่หลบหนีออกจากห้องควบคุมนั้น จนถึงขณะนี้สามารถตามจับมาได้แล้ว 15 คน ยังเหลือชาวโรฮิงญาที่อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมอีก 21 คน สำหรับ 15 คน ที่จับกุมได้ในขณะนี้สามารถจับกุมได้จากหลายจุด ทั้งบริเวณตลาดเกษตร มัสยิดบริเวณตัวเมือง และป่าโกงกางบริเวณสะพานหิน ส่วนการติดตามจับกุมคนที่ยังหลบหนีอยู่นั้นได้แบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็น 2 สายหาชาวโรฮิงญาโดยมุ่งไปตามมัสยิดต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต และชุมชนชาวมุสลิมในพื้นที่ และในการติดตามชาวโรฮิงญานั้นทางเจ้าหน้าที่อยากขอความร่วมมือจากชาวบ้าน โดยเฉพาะชาวมุสลิมให้ช่วยแจ้งเบาะแสแก่ทางเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะหนีไปอยู่ในกลุ่ม หรือสถานที่ที่นับถือศาสนาเดียวกัน
พ.ต.อ.สัญชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับชาวโรฮิงญาที่จับกุมมาได้แล้ว 15 คน ส่งตัวดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตแล้ว ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการส่งฟ้องศาล แต่อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า กรณีชาวโรฮิงญาหนีออกจากห้องควบคุมที่จังหวัดสงขลา พบว่ามีการตัดสินไปแล้ว โดยศาลตัดสินสั่งจำคุก 1 เดือน และปรับ 5 พันบาท อย่างไรก็ตาม สำหรับในส่วนของจังหวัดภูเก็ต ต้องรอให้ศาลตัดสินก่อน ส่วนการป้องกันไม่ให้ผู้ต้องกักหลบหนีจากห้องควบคุมนั้นขณะนี้ได้เพิ่มความแข็งแรงของห้องควบคุมแล้ว ทั้งเสริมเหล็ก และซ่อมผนังห้องน้ำ ที่ถูกชาวโรฮิงญาทุบหลบหนีออกไป รวมทั้งฝ้าบริเวณหลังคาซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ชาวโรฮิงญาหนีออกไปได้ก็ได้เสริมเหล็กเข้าไปแล้วเช่นกัน
สำหรับสาเหตุการหลบหนีของชาวโรฮิงญานั้น พ.ต.อ.สัญชัย กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากความเครียดที่ถูกกักขังเป็นเป็นนานประมาณ 6 เดือนแล้ว รวมทั้งเชื่อว่าได้รับแรงยุจากคนบางกลุ่มที่มาเยี่ยมในช่วงที่ถูกกักตัวอยู่ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นขวนการ สำหรับการหลบหนีเชื่อว่าน่าจะมีการเตรียมตัวกันมาระยะหนึ่งเพราะจากการตรวจสอบมีความพยายามในการแซะปูนบริเวณห้องน้ำแบบทำไปเรื่อยๆ และใช้ผ้าขาวม้าบังไว้ และอาศัยช่วงที่เจ้าหน้าที่เผลอหลบหนีออกไป อย่างไรก็ตามในช่วงที่ชาวโรฮิงญาถูกกักตัวอยู่นั้น ได้มีการดูแลเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องอาหาร เรื่องสุขภาพ นำมาออกกำลังกาย แต่มาระยะหลังเริ่มเรียกร้องที่จะออกมาข้างนอก ไปตลาด และขอโทรศัพท์ไปหาญาติพร้อมกัน ซึ่งบ้างเรื่องไม่สามารถที่จะอนุญาตให้ทำได้ ทำให้เขาเกิดความเครียด
