ยะลา - กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่ปะทะกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 2 ศพ ในพื้นที่ อ.รือเสาะ ยัน จนท.ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย ระบุมีหลักฐานชี้ชัดว่าผู้ตายมีเอี่ยวคดีความมั่นคง และเตรียมก่อเหตุในพื้นที่
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (9 ส.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงที่บริเวณบ้านพงษ์ยือติ หมู่ 9 ตำบลลาโล๊ะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส และได้เกิดการปะทะขึ้นทำให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต จำนวน 2 คน คือ นายอุสมาน แวกาจิ อายุ 24 ปี ภูลำเนาบ้านเลขที่ 152 บ้านบาโล หมู่ 7 ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส และนายมูฮัมหมัดซาแปอิง แวกาจิ อายุ 27 ปี ภูมิลำเนา บ้านเลขที่ 164/2 บ้านสะโล หมู่ 7 ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งได้ยึดอาวุธปืนเล็กยาวเอ็ม 16 จำนวน 2กระบอก หมายเลขปืน 132252 ซึ่งเป็นปืนที่ถูกปล้นมาจาก ร้อย.ร.15121 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 38 เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2554
จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว และญาติของผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 2 คน โดยยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย สืบเนื่องจากได้รับทราบข่าวสารว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่เพื่อเตรียมวางระเบิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และลอบทำร้ายพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลฮารีรายอ จึงได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าติดตามจับกุม และเกิดการปะทะทำให้เกิดการสูญเสียดังกล่าว
โดยจากการตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุ สามารถตรวจยึดอาวุธปืนเล็กยาวเอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอก และจากการตรวจสอบหมายเลขปืน พบว่า เป็นอาวุธปืนที่คนร้ายได้เข้าปล้นจาก ร้อย ร.15121 เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังตรวจพบสายไฟฟ้า พร้อมอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดอีกหลายการ
และจากการตรวจสอบประวัติผู้เสียชีวิต คือ นายมูฮัมหมัดซาแปอิง แวกาจิ อยู่ระหว่างหลบหนีการประกันของศาลจังหวัดนราธิวาส จากกรณีลอบวางระเบิดในพื้นที่เทศบาลอำเภอรือเสาะ เมื่อปี 2551 จากหลักฐานดังกล่าวสามารถบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการเตรียมการก่อเหตุร้ายในห้วงต่อไป
ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะยังคงดำรงความมุ่งหมายตามมาตรการที่กำหนดไว้ ด้วยการมุ่งเน้นปกป้อง และคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนจากการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง พร้อมกับจะใช้มาตรการทางกฎหมายในการติดตามคนร้ายที่กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (9 ส.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงที่บริเวณบ้านพงษ์ยือติ หมู่ 9 ตำบลลาโล๊ะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส และได้เกิดการปะทะขึ้นทำให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต จำนวน 2 คน คือ นายอุสมาน แวกาจิ อายุ 24 ปี ภูลำเนาบ้านเลขที่ 152 บ้านบาโล หมู่ 7 ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส และนายมูฮัมหมัดซาแปอิง แวกาจิ อายุ 27 ปี ภูมิลำเนา บ้านเลขที่ 164/2 บ้านสะโล หมู่ 7 ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งได้ยึดอาวุธปืนเล็กยาวเอ็ม 16 จำนวน 2กระบอก หมายเลขปืน 132252 ซึ่งเป็นปืนที่ถูกปล้นมาจาก ร้อย.ร.15121 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 38 เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2554
จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว และญาติของผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 2 คน โดยยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย สืบเนื่องจากได้รับทราบข่าวสารว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่เพื่อเตรียมวางระเบิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และลอบทำร้ายพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลฮารีรายอ จึงได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าติดตามจับกุม และเกิดการปะทะทำให้เกิดการสูญเสียดังกล่าว
โดยจากการตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุ สามารถตรวจยึดอาวุธปืนเล็กยาวเอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอก และจากการตรวจสอบหมายเลขปืน พบว่า เป็นอาวุธปืนที่คนร้ายได้เข้าปล้นจาก ร้อย ร.15121 เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังตรวจพบสายไฟฟ้า พร้อมอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดอีกหลายการ
และจากการตรวจสอบประวัติผู้เสียชีวิต คือ นายมูฮัมหมัดซาแปอิง แวกาจิ อยู่ระหว่างหลบหนีการประกันของศาลจังหวัดนราธิวาส จากกรณีลอบวางระเบิดในพื้นที่เทศบาลอำเภอรือเสาะ เมื่อปี 2551 จากหลักฐานดังกล่าวสามารถบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการเตรียมการก่อเหตุร้ายในห้วงต่อไป
ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะยังคงดำรงความมุ่งหมายตามมาตรการที่กำหนดไว้ ด้วยการมุ่งเน้นปกป้อง และคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนจากการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง พร้อมกับจะใช้มาตรการทางกฎหมายในการติดตามคนร้ายที่กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
