นครศรีธรรมราช - สำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช ตรวจสอบพระโบราณทองคำคู่บุญพระพุทธสิหิงค์ หลังถูกโจรขโมยลอกแผนทองคำหุ้มองค์พระ น้ำหนักว่า 1 กิโลกรัม เตรียมรวบรวมข้อมูลส่งช่างสิบหมู่บูรณะ ส่วนร้านทองรับซื้อของโจรกรรมตามทัน เป็นแผลเน่าเท่าองค์แผ่นทองที่ลอกออกไปจนเสียชีวิต
วันนี้ (6 ส.ค.) นายอานัติ บำรุงวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช พร้อมนายวชิรพงศ์ วงศ์เมฆ ผู้ดูแลข้อมูลและโบราณสถานของสายสกุล ณ นคร เดินทางมาที่บริเวณหอพระพุทธสิหิงค์ ศาลากลางนครศรีธรรมราช เพื่อตรวจสอบพระคู่บุญของพระพุทธสิหิงค์ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางยืนอุ้มบาตรสูงประมาณ 1.6 เมตร ที่มีอายุกว่า 100 ปี หลังจากโจรเข้ามาขโมยลอกแผ่นทองคำที่หุ้มองค์พระบริเวณตั้งแต่พระบาทจนถึงเอว และบริเวณแผ่นหลังของพระพุทธรูปทั้งหมด เพื่อหาข้อมูลส่งให้สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ดำเนินการบูรณะพระพุทธรูปให้กลับมาสมบูรณ์
นายวชิรพงศ์ วงศ์เมฆ ผู้ดูแลข้อมูลและโบราณสถานของสายสกุล ณ นคร เปิดเผยว่า พระพุทธรูปคู่บุญพระพุทธสิหิงค์มีจำนวน 2 องค์ คือ พระพุทธรูปปางอุ้มบาตรเงิน กับพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรทอง ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (หนูพร้อม) เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรทอง ซึ่งองค์พระเป็นเนื้อสำริดแล้วใช้ทองคำแผ่นหุ้มทั้งองค์ ต่อมา เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ถูกโจรเข้าขโมยลอกแผ่นทองคำ พร้อมทั้งบาตรทองคำ และบาตรเงิน และเป็นที่น่าอัศจรรย์ว่าเจ้าของร้านทองที่รับซื้อทองแผ่นทองคำที่โจรนำไปขายให้นั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งก่อนจะเสียชีวิตปรากฏว่า บริเวณขาทั้งสองข้าง รวมทั้งแผ่นหลังของเจ้าของร้านทองมีอาการเน่าเปื่อยอย่างรุนแรงลักษณะเหมือนแผ่นทองที่ถูกลอกออกไปจากองค์พระ ซึ่งจะรักษาอย่างไรก็ไม่หาย และเสียชีวิตอย่างทรมานในที่สุด อีกทั้งบ้านถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง
ด้าน นายอานัติ บำรุงวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในการบูรณะองค์พระขั้นแรกจะต้องจำลองพระพุทธรูปทั้งองค์ หลังจากนั้นเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ให้ช่างสิบหมู่ เมื่องบประมาณ หรือมีทองคำเพียงพอจะรีดแผ่นทองคำขึ้นรูปกับหุ่นจำลอง จากนั้นจะนำแผ่นทองมาติดตั้งกับองค์จริงต่อไปซึ่งต้องใช้ทองคำจำนวนมาก