ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ไมตรี อินทุสุต” ผวจ.ภูเก็ต เป็นประธานเปิดเวทีสัมมนา “แลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาผลักดันสู่นโยบายสาธารณะ” ดึงเยาวชนร่วมศึกษาประชาธิปไตย สร้างจิตสำนึกปลูกฝังหน้าที่ความเป็นพลเมือง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (6 ส.ค.) ที่ห้องจามจุรี 1 โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดเวทีสัมมนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาผลักดันสู่นโยบายสาธารณะ โครงการต่อยอด และขยายเครือข่ายการสร้างสำนึกความเป็นพลเมืองต่อการกำหนดนโยบายสาธารณะสู่ เยาวชน ซึ่งคณะกรรมการศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้าจังหวัดภูเก็ต จัดขึ้น โดยมี นายสุพจน์ สงวนกิตติพันธุ์ ประธานคณะกรรมการศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเกล้าจังหวัด ภูเก็ต ตลอดจนนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม จำนวน 120 คน
นายสุพจน์ สงวนกิตติพันธุ์ ประธานคณะกรรมการศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า โครงการสร้างสำนึกความเป็นพลเมืองต่อการกำหนดนโยบายสาธารณะสู่เด็ก และเยาวชน ของศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองสถาบันพระปกเกล้าจังหวัดภูเก็ต เกิดขึ้นจากการที่ศูนย์พัฒนาการเมืองฯ ได้เล็งเห็นว่า การพัฒนาประชาธิปไตยในบ้านเรามีทั้งในด้านบวก และด้านลบ ทั้งนี้ เพราะมีปัจจัยต่างๆ ที่มากระทบมากมายตลอดระยะเวลา ในบางครั้งก็ก่อให้เกิดความขัดแย้ง การใช้ความรุนแรงที่นำมาซึ่งความสูญเสีย ถึงแม้เส้นทางของประชาธิปไตยในประเทศไทยได้เดินผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปี การสร้างสำนึกพลเมืองต่อการกำหนดนโยบายสาธารณะสู่เยาวชนเป็นการกำหนดแนวทาง แก้ไขประเด็นปัญหาต่างๆ โดยเยาวชนเป็นผู้กำหนด เสมือนเป็นเจ้าของ ร่วมกับหน่วยงาน องค์กรที่เกี่ยวข้องนำไปสู่นโยบายในการแก้ไขแบบมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
การอบรมครั้งนี้เป็นรุ่นที่ 2 โดยมีการจัดอบรมการสร้างนโยบายสาธารณะตามกระบวนการ 6 ขั้นตอนของสถาบันพระปกเกล้าฯ และมอบหมายสนับสนุนงบประมาณให้แต่ละโรงเรียนทดลองทำนโยบายสาธารณะตามกระบวนการฯ ที่ร่วมแก้ไขประเด็นปัญหาภายในโรงเรียนของแต่ละโรงเรียน และนำมาเสนอในเวทีสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อทดสอบความรู้ความเข้าใจต่อไป
ขณะที่ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทางคณะกรรมการศูนย์พัฒนาการเมืองฯ ซึ่งเป็นภาคประชาชน ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสำนึกในการเป็นพลเมืองที่ดีให้แก่เยาวชน ถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยในอนาคตต่อไป ในการที่จะเป็นพลเมืองที่ดีนั้นจะต้องมีจิตสำนึกที่ดี ด้วยการกลั่นกรองการรับรู้ข้อมูลข่าวสารนำไปสู่การมีองค์ความรู้ และสร้างภูมิปัญญา และพลเมืองจะต่างจากประชาชน เพราะประชาชนจะรู้ถึงสิทธิแต่ไม่รู้หน้าที่ ส่วนพลเมืองนั้นจะรู้ทั้งสิทธิและหน้าที่ของตัวเอง เป็นผู้ที่มีคุณธรรมจริยธรรม คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม และการเข้ามีส่วนร่วมในการนำเสนอความคิดเห็นในเวทีสาธารณะอย่างมีวิจารณญาณ มีความตื่นตัวสนใจใฝ่รู้ด้วยการเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น และผู้ดี