ตรัง - ยิงเจ้าของสวนปาล์ม อ.ปะเหลียน เสียชีวิตคารถขณะจอดรถติดเครื่องยนต์เปิดแอร์ และเครื่องเสียงทิ้งไว้ ภรรยายืนยันสามีไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร นอกจากเรื่องมรดกสวนปาล์มมูลค่าล้าน 20 ล้าน จนท.ตร.คาดมือปืนอาจเป็นคนรู้จัก
วันนี้ (29 ก.ค.) ร.ต.ท.ชนวีร์ ชุมจุล ร้อยเวรสอบสวน สภ.ปะเหลียน จ.ตรัง ได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายที่หน้าบ้านพัก ในซอยข้างโรงเรียนบ้านลูกรัก เลขที่ 194 ม.3 ต.สุโสะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมศักดิ์ ศรีแสง ผกก.สภ.ปะเหลียน เดินทางไปตรวจสอบ พบรถกระบะโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีขาว ทะเบียน กฉ 3598 กระบี่ จอดอยู่ในลักษณะที่ยังติดเครื่อง เปิดแอร์ และเครื่องเสียงไว้
โดยภายในรถพบร่างของ นายประสิทธิ์ หรือโกหลาย อังศุพานิช อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 ม.4 ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ นั่งเสียชีวิตในสภาพพิงพนักอยู่บนที่นั่งคนขับ ส่วนที่บริเวณชายโครงด้านซ้ายถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด จำนวน 2 แผล กระสุนฝังใน ขณะที่คราบเลือดตามเสื้อเริ่มแห้งแล้ว จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ชั่วโมง
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า ที่บริเวณใกล้ขอบหลังคารถมีร่องรอยกระสุนทะลุออก 2 รู และตรงหลังคาบนหัวที่นั่งคนขับ กับกระจกภายในด้านคนขับมีร่องรอยหัวกระสุนแฉลบจากภายใน แต่ไม่ทะลุอีก 3 จุด และห่างออกไปจากข้างบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 5 เมตร เจ้าหน้าที่พบหมอนรองกระสุนปืนชนิดลูกซองสั้น ตกอยู่บนพื้นพงหญ้าจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน สำหรับผู้ที่มาพบศพเป็นคนแรก คือ น.ส.งามตา ชื่นจิตร อายุ 44 ปี ขณะกำลังจะนำเงินค่าน้ำยางพารามาส่ง แต่เมื่อเห็นรถจอดอยู่ในสภาพที่เครื่องยนต์ยังติดอยู่ พร้อมเปิดแอร์ และเครื่องเสียง กระทั่งเมื่อเปิดประตูรถเข้าไปดูก็พบว่า นายประสิทธิ์ หรือโกหลาย นั่งเสียชีวิตอยู่แล้ว
ทั้งนี้ จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า นายประสิทธิ์ หรือโกหลาย ได้ย้ายครอบครัวออกจากบ้านที่เกิดเหตุไปอยู่ที่ จ.กระบี่ แล้ว เพื่อทำหน้าที่ดูแลสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมันเกือบ 100 ไร่ ให้แก่ลูกเขย แต่ก็ยังกลับมาดูแลสวนยางพาราที่เป็นมรดกใน จ.ตรัง อีกประมาณ 50 ไร่ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท แต่เป็นทรัพย์สินที่ยังคงเกิดปัญหาความขัดแย้งกับญาติพี่น้องจนเป็นคดีความอยู่ที่ศาล จ.ตรัง
ขณะที่ นางประภา อังศุพานิช อายุ 50 ปี ภรรยาของผู้ตายให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่า สามีไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง หรือขัดแย้งกับใคร นอกจากเรื่องการแบ่งแยกมรดก ซึ่งมีนัดหมายศาลอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้ แต่สามีก็กลับมาถูกยิงตายเสียก่อน
ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบหาร่องรอยหลักฐานแล้ว เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าจะสามารถรวบรวมหลักฐานจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้ไม่ยาก เนื่องจากการฆ่ามีลักษณะที่ไม่ใช่มืออาชีพ และเหมือนกับว่าผู้ตายรู้จักกับคนร้าย เนื่องจากได้จอดรถพูดคุยกันในขณะที่ยังไม่ได้ดับเครื่องยนต์ รวมทั้งยังเปิดแอร์ และเครื่องเสียง โดยก่อนหน้านั้น มีพยานได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด แต่ไม่มีใครเฉลียวใจว่าจะเกิดเหตุร้าย จนกระทั่งมีผู้มาพบศพ นายประสิทธิ์ หรือโกหลาย ถูกฆ่าตายในเวลาต่อมา
วันนี้ (29 ก.ค.) ร.ต.ท.ชนวีร์ ชุมจุล ร้อยเวรสอบสวน สภ.ปะเหลียน จ.ตรัง ได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายที่หน้าบ้านพัก ในซอยข้างโรงเรียนบ้านลูกรัก เลขที่ 194 ม.3 ต.สุโสะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมศักดิ์ ศรีแสง ผกก.สภ.ปะเหลียน เดินทางไปตรวจสอบ พบรถกระบะโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีขาว ทะเบียน กฉ 3598 กระบี่ จอดอยู่ในลักษณะที่ยังติดเครื่อง เปิดแอร์ และเครื่องเสียงไว้
โดยภายในรถพบร่างของ นายประสิทธิ์ หรือโกหลาย อังศุพานิช อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 ม.4 ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ นั่งเสียชีวิตในสภาพพิงพนักอยู่บนที่นั่งคนขับ ส่วนที่บริเวณชายโครงด้านซ้ายถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด จำนวน 2 แผล กระสุนฝังใน ขณะที่คราบเลือดตามเสื้อเริ่มแห้งแล้ว จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ชั่วโมง
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า ที่บริเวณใกล้ขอบหลังคารถมีร่องรอยกระสุนทะลุออก 2 รู และตรงหลังคาบนหัวที่นั่งคนขับ กับกระจกภายในด้านคนขับมีร่องรอยหัวกระสุนแฉลบจากภายใน แต่ไม่ทะลุอีก 3 จุด และห่างออกไปจากข้างบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 5 เมตร เจ้าหน้าที่พบหมอนรองกระสุนปืนชนิดลูกซองสั้น ตกอยู่บนพื้นพงหญ้าจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน สำหรับผู้ที่มาพบศพเป็นคนแรก คือ น.ส.งามตา ชื่นจิตร อายุ 44 ปี ขณะกำลังจะนำเงินค่าน้ำยางพารามาส่ง แต่เมื่อเห็นรถจอดอยู่ในสภาพที่เครื่องยนต์ยังติดอยู่ พร้อมเปิดแอร์ และเครื่องเสียง กระทั่งเมื่อเปิดประตูรถเข้าไปดูก็พบว่า นายประสิทธิ์ หรือโกหลาย นั่งเสียชีวิตอยู่แล้ว
ทั้งนี้ จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า นายประสิทธิ์ หรือโกหลาย ได้ย้ายครอบครัวออกจากบ้านที่เกิดเหตุไปอยู่ที่ จ.กระบี่ แล้ว เพื่อทำหน้าที่ดูแลสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมันเกือบ 100 ไร่ ให้แก่ลูกเขย แต่ก็ยังกลับมาดูแลสวนยางพาราที่เป็นมรดกใน จ.ตรัง อีกประมาณ 50 ไร่ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท แต่เป็นทรัพย์สินที่ยังคงเกิดปัญหาความขัดแย้งกับญาติพี่น้องจนเป็นคดีความอยู่ที่ศาล จ.ตรัง
ขณะที่ นางประภา อังศุพานิช อายุ 50 ปี ภรรยาของผู้ตายให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่า สามีไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง หรือขัดแย้งกับใคร นอกจากเรื่องการแบ่งแยกมรดก ซึ่งมีนัดหมายศาลอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้ แต่สามีก็กลับมาถูกยิงตายเสียก่อน
ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบหาร่องรอยหลักฐานแล้ว เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าจะสามารถรวบรวมหลักฐานจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้ไม่ยาก เนื่องจากการฆ่ามีลักษณะที่ไม่ใช่มืออาชีพ และเหมือนกับว่าผู้ตายรู้จักกับคนร้าย เนื่องจากได้จอดรถพูดคุยกันในขณะที่ยังไม่ได้ดับเครื่องยนต์ รวมทั้งยังเปิดแอร์ และเครื่องเสียง โดยก่อนหน้านั้น มีพยานได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด แต่ไม่มีใครเฉลียวใจว่าจะเกิดเหตุร้าย จนกระทั่งมีผู้มาพบศพ นายประสิทธิ์ หรือโกหลาย ถูกฆ่าตายในเวลาต่อมา