นราธิวาส - ทหาร-ตำรวจ ขานรับยุติความรุนแรง เน้นอำนวยความสะดวกให้ประชาชนหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ขานรับคำแถลงการณ์ยุติความรุนแรงในพื้นที่ช่วงเดือนรอมฎอนจากประเทศมาเลเซีย พร้อมยอมรับยังต้องมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดต่อไป
วันนี้ (15 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงที่ปฏิบัติงานในพื้นที่อำเภอชายแดนของไทย และมาเลเซีย ยังคงมีการปฏิบัติงานเพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเข้มงวด มีการตรวจสอบเอกสารการเดินทางของบุคคล สัมภาระ ตลอดจนยานพาหนะทุกชนิดที่เดินทางเข้าออกระหว่าง 2 ประเทศ แม้จะมีแถลงการณ์ออกมาจากดาโต๊ะ เสรี อาห์หมัด ซัมซามิน ฮาซิน ผู้อำนวยความสะดวกของประเทศมาเลเซีย ที่เป็นตัวแทนของฝ่ายพูดคุยเพื่อสันติภาพ แถลงประกาศยุติความรุนแรงทุกรูปแบบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดช่วงเดือนรอมฎอน พร้อมกับการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในพื้นที่เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน และไม่สร้างเงื่อนไขที่นำไปสู่ประเด็นความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกับประชาชน
โดยทางด้าน พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก ขานรับแถลงการณ์ยุติความรุนแรงในพื้นที่ช่วงเดือนรอมฎอน โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเน้นการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในเขตเมืองชั้นในของอำเภอสุไหงโก-ลก เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และชาวมาเลเซียที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดนราธิวาส เพราะพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังมีภัยเกี่ยวกับความมั่นคงที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการในทุกรูปแบบเพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่สัญจรไปมาในพื้นที่ด้วยการเปลี่ยนจากจุดตรวจ จุดสกัดต่างๆ ที่มีอยู่เดิม ให้เป็นจุดอำนวยความสะดวก และให้บริการประชาชน ที่จะมีการแจกผลอิทผลัม และน้ำดื่มให้แก่ผู้ที่สัญจรไปมา
โดยงดเว้นการปฏิบัติที่อาจสร้างความขัดแย้ง ซึ่งขณะนี้ในส่วนของคดีเล็กๆ เช่น การไม่สวมหมวกนิรภัย หรือการขับรถซ้อนสามจะไม่มีการควบคุมตัว หรือการสั่งปรับ แต่จะว่ากล่าวตักเตือนเป็นหลัก เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการดำเนินชีวิต หรือการปฏิบัติศาสนกิจในช่วงเดือนรอมฎอน พร้อมทั้งมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดมวลชนสัมพันธ์ลงพื้นที่ไปชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับความจำเป็นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งนำผลอินทผลัมไปมอบให้แก่ผู้นำศาสนา และประชาชนตามมัสยิดต่างๆ อย่างทั่วถึง
ขณะที่ พ.ท.สิทธิพร จุลปานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ยอมรับว่า การแถลงยุติเหตุรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอน ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการลดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ แต่ในทางปฏิบัติหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงก็ต้องมีการทำหน้าที่อย่างดีที่สุดด้วยความไม่ประมาท ทั้งนี้ ได้มีการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มาตรการการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ตามแนวชายแดนมีประสิทธิภาพสูงสุด มั่นใจประชาชนในพื้นที่จะเข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
เนื่องจากก่อนเข้าสู่ช่วงเดือนรอมฎอน ได้ขอรับคำปรึกษาจากผู้นำศาสนาในพื้นที่ถึงความเหมาะสมในการถือปฏิบัติต่อพี่น้องชาวไทยมุสลิม ในระหว่างที่มีการถือศีลอด โดยเฉพาะในเวลาการเปิดบวช หรือละศีลอด รวมถึงช่วงเวลาที่จะมีการออกละหมาดตามมัสยิดต่างๆ ที่จะเน้นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน มากกว่าการตรวจค้น หรือทำให้ต้องเสียเวลาจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แต่ทั้งนี้ ยังคงยึดมาตรฐานการการรักษาความปลอดภัย และความมั่นคงในพื้นที่เป็นหลัก
วันนี้ (15 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงที่ปฏิบัติงานในพื้นที่อำเภอชายแดนของไทย และมาเลเซีย ยังคงมีการปฏิบัติงานเพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเข้มงวด มีการตรวจสอบเอกสารการเดินทางของบุคคล สัมภาระ ตลอดจนยานพาหนะทุกชนิดที่เดินทางเข้าออกระหว่าง 2 ประเทศ แม้จะมีแถลงการณ์ออกมาจากดาโต๊ะ เสรี อาห์หมัด ซัมซามิน ฮาซิน ผู้อำนวยความสะดวกของประเทศมาเลเซีย ที่เป็นตัวแทนของฝ่ายพูดคุยเพื่อสันติภาพ แถลงประกาศยุติความรุนแรงทุกรูปแบบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดช่วงเดือนรอมฎอน พร้อมกับการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในพื้นที่เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน และไม่สร้างเงื่อนไขที่นำไปสู่ประเด็นความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกับประชาชน
โดยทางด้าน พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก ขานรับแถลงการณ์ยุติความรุนแรงในพื้นที่ช่วงเดือนรอมฎอน โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเน้นการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในเขตเมืองชั้นในของอำเภอสุไหงโก-ลก เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และชาวมาเลเซียที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดนราธิวาส เพราะพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังมีภัยเกี่ยวกับความมั่นคงที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการในทุกรูปแบบเพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่สัญจรไปมาในพื้นที่ด้วยการเปลี่ยนจากจุดตรวจ จุดสกัดต่างๆ ที่มีอยู่เดิม ให้เป็นจุดอำนวยความสะดวก และให้บริการประชาชน ที่จะมีการแจกผลอิทผลัม และน้ำดื่มให้แก่ผู้ที่สัญจรไปมา
โดยงดเว้นการปฏิบัติที่อาจสร้างความขัดแย้ง ซึ่งขณะนี้ในส่วนของคดีเล็กๆ เช่น การไม่สวมหมวกนิรภัย หรือการขับรถซ้อนสามจะไม่มีการควบคุมตัว หรือการสั่งปรับ แต่จะว่ากล่าวตักเตือนเป็นหลัก เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการดำเนินชีวิต หรือการปฏิบัติศาสนกิจในช่วงเดือนรอมฎอน พร้อมทั้งมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดมวลชนสัมพันธ์ลงพื้นที่ไปชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับความจำเป็นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งนำผลอินทผลัมไปมอบให้แก่ผู้นำศาสนา และประชาชนตามมัสยิดต่างๆ อย่างทั่วถึง
ขณะที่ พ.ท.สิทธิพร จุลปานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ยอมรับว่า การแถลงยุติเหตุรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอน ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการลดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ แต่ในทางปฏิบัติหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงก็ต้องมีการทำหน้าที่อย่างดีที่สุดด้วยความไม่ประมาท ทั้งนี้ ได้มีการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มาตรการการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ตามแนวชายแดนมีประสิทธิภาพสูงสุด มั่นใจประชาชนในพื้นที่จะเข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
เนื่องจากก่อนเข้าสู่ช่วงเดือนรอมฎอน ได้ขอรับคำปรึกษาจากผู้นำศาสนาในพื้นที่ถึงความเหมาะสมในการถือปฏิบัติต่อพี่น้องชาวไทยมุสลิม ในระหว่างที่มีการถือศีลอด โดยเฉพาะในเวลาการเปิดบวช หรือละศีลอด รวมถึงช่วงเวลาที่จะมีการออกละหมาดตามมัสยิดต่างๆ ที่จะเน้นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน มากกว่าการตรวจค้น หรือทำให้ต้องเสียเวลาจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แต่ทั้งนี้ ยังคงยึดมาตรฐานการการรักษาความปลอดภัย และความมั่นคงในพื้นที่เป็นหลัก
