ระนอง - เจ้าหน้าที่ตำรวจระนอง นำกำลังเข้าควบคุมตัว “พระอนุชิต อภิเตโช” หลังเมาอาละวาด ด่าชาวบ้านในสำนักสงฆ์บกต้อ แถมชกต่อยเจ้าหน้าที่ขณะระงับเหตุ จากนั้นนำตัวไปศึกกลับไม่ยอม มิหนำซ้ำยังยกขวดเบียร์กระดกต่อหน้าพระครู และตะโกนลั่นจะสึกกับพระจากวัดธรรมกายเท่านั้น
วันนี้ (8 ก.ค.) ร.ต.ท.พัฒนพงษ์ พรหมวรรณ์ ร้อยเวร สภ.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง ได้แจ้งจากพระจรูญ กตคโน หัวหน้าสำนักสงฆ์บกต้อว่า มีพระเมาอาละวาดด่าทอประชาชนที่มาทำบุญภายในวัด ขอให้ช่วยส่งเจ้าหน้าที่มาระงับเหตุ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ต.ยศ ชาวเรา สวป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุ พบพระอนุชิต อภิเตโช ชื่อจริงนายอนุชิต อุ่นเจริญ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115/1 ม.6 ต.สระแก้ว อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร อยู่ในสภาพเมาไม่รู้เรื่องเดินด่าชาวบ้านไปทั่ว เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปพูดคุยเพื่อให้พระอนุชิต ได้สงบสติอารมณ์ แต่พระอนุชิต กลับทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยการต่อยเข้ามาที่ลำตัว สวป.อย่างจัง เมื่อเจ้าหน้าที่คนอื่นเห็นจึงเข้าไปห้ามแต่กลับถูกพระอนุชิด ชกต่อยพัลวัน สักพักจึงสามารถควบคุมตัวได้ ค้นในย่ามพบขวดเบียร์ จำนวน 2 ขวด ดื่มไป 1 ขวด และขวดเหล้าขาว 1 ขวด ที่ดื่มไปแล้ว
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปทำการจับสึกที่วัดบ้านหงาว แต่เจ้าอาวาสไม่อยู่ อีกทั้ง พระอนุชิต ยังโวยวายด่าทอเจ้าหน้าที่ตลอดทาง จึงนำตัวไปที่วัดสุวรรณคีรีวิหาร เพื่อให้พระครูรณังค์คณารักษ์ เจ้าคณะจังหวัดทำการสึก แต่พระอนุชิตไม่ยอม พร้อมทั้งด่าทอเจ้าคณะจังหวัด และยังท้าต่อยกับเจ้าคณะจังหวัด ประกอบกับพูดจาหมิ่นเบื้องสูงอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งบอกว่าจะสึกกับพระจากวัดธรรมกายเท่านั้น เพราะตนเองบวชมาจากจังหวัดนครปฐม ขณะที่กำลังรออยู่นั้นเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดคิดเกิดขึ้นคือ จู่ๆ พระอนุชิต หยิบเบียร์ของกลางที่เหลือมาดื่มโดยไม่สนใจใคร เจ้าหน้าที่ต้องรีบแย่งเบียร์มาเก็บเป็นการใหญ่
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงประสานพระปรีดา ประจำศูนย์กัลยานิมิตสาขาระนอง ให้มาทำการพูดคุย แต่พระอนุชิด กลับด่าพระปรีดา และเจ้าหน้าที่เหมือนเดิม โดยไม่สนใจและไม่ยอมศึก จนพระสงฆ์ทั้งหมดเกิดอาการเอือมระอา พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่นำตัวพระอนุชิตไปสงบสติอารมณ์ที่ สภ.ราชกรูด ก่อน จากนั้นค่อยนำกลับมาทำการสึกใหม่อีกครั้ง ดังนั้น เจ้าหน้าจึงนำตัวพระอนุชิตกลับ สภ.ราชกรูด เพื่อให้สงบสติอารมณ์และสร่างเมา
พระปรีดา กล่าวว่า พระที่มาบวชกับโครงการนั้น จะแบ่งได้ออกเป็น 3 ประเภทคือ 1.ประเภทใช้โครงการเป็นทางผ่าน หรือเรียกว่าแบ ซึ่งกลุ่มนี้ไม่สนใจอะไรเลย 2.บวชแล้วมีความตั้งใจที่จะศึกษาต่ออย่างเคร่งครัด ส่วนนี้ทางโครงการจะสนับสนุนมาก และส่วนที่ 3.คือบวชแล้วแต่ไม่อยากอยู่ในกฎหมาย จึงขอออกไปอยู่ภายนอก หรือตามวัดต่างๆ นอกพื้นที่ เท่าที่ดูในเบื้องต้น พระอนุชิต น่าจะเป็นจำพวกที่ 1 ทั้งได้ทำการพูดคุยหารือกับเจ้าคณะจังหวัดระนองแล้ว จึงต้องขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไว้ก่อนจนกว่าจะหายเมา เพราะไม่สามารถทำการสึกได้ เพราะหากจะสึกได้เจ้าตัวต้องยอมพร้อมกล่าววาจาชัดเจน ต้องมีพระที่ทำการสึก ต้องมีพยานในการสึก ถึงจะทำการสึกได้ จะฉีกผ้าเหลืองไม่ได้