นราธิวาส - ควันไฟป่าอินโดฯ ลามถึงนราฯ แล้ว ทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ค่อยดี โดยเฉพาะในช่วงเช้า และใกล้ค่ำ รวมทั้งกระทบต่อการเดินเรือของชาวประมง ทำให้จับปลาได้น้อยลง และอาจส่งผลให้ราคาอาหารทะเลแพงขึ้นในช่วงนี้
รายงานข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับไฟป่าในพื้นที่ จ.เรียว บนเกาะสุมาตรา ของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งในเบื้องต้น ทางการประเทศอินโดนีเซียออกมาระบุว่า น่าเกิดจากการลักลอบเผาป่า เพื่อปลูกต้นปาล์มน้ำมันของบริษัทเอกชนบางแห่ง ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ยังคงวิกิฤตจนส่งผลทำให้ควันไฟป่าถูกกระแสลมพัดปกคลุมขยายวงกว้างไปยังพื้นที่ประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งล่าสุด ภาคใต้ตอนล่างอย่าง จ.สตูล จ.สงขลา จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส เริ่มได้รับผลกระทบจากควันไฟป่าแพร่ปกคลุม แต่ไม่มากนักเป็นเวลา 2 วันแล้ว
เมื่อเวลา 06.00 น. วันนี้ (25 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ตระเวนเดินทางไปตรวจสอบพบว่า ภาพรวมในช่วงเวลาดังกล่าวมีควันไฟป่าปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ซึ่งมีลักษณะคล้ายหมอกสีขาวแต่มีกลิ่นเหม็น ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นขณะขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนสั้นลง อยู่ในระยะเพียง 300-400 เมตร ถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อวานนี้จะมีควันไฟป่าแพร่ปกคลุมพื้นที่หนาตากว่าเกือบ 2 เท่า ยานพาหนะทุกชนิดต้องคอยเปิดไฟหน้า เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น แต่สภาวะดังกล่าวจะเริ่มดีขึ้นเมื่อเวลา 08.00 น. เป็นต้นไป เมื่อแสงอาทิตย์ส่องลงมา และจะเป็นวัฏจักรอยู่แบบนี้อีกครั้งในช่วงใกล้ค่ำที่จะมีควันไฟป่าแพร่ปกคลุมหนาตาอีกครั้ง
และจากสภาวะของอากาศที่เริ่มเย็นลง ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ กลุ่มประชาชนที่อาศัยอยู่แถบชายป่าที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมหนาตา กลุ่มนี้จะมีควันไฟป่าแพร่ปกคลุมมากขึ้นกว่าประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตชุมชนเมือง บางครอบครัวถึงกับต้องปิดประตูหน้าต่าง เนื่องจากไม่สามารถทนกลิ่นเหม็นฟุ้งของควันไฟป่าได้
นอกจากนี้ ผลพวงของควันไฟป่าในประเทศอินโดนีเซียพัดปกคลุมพื้นที่ จ.นราธิวาส ยังส่งผลกระทบต่อประชาชนที่นำเรือประมงออกไปจับสัตว์น้ำกลางทะเลด้วย เพราะต้องยืดเวลาในการเดินเรือออกไปอีกวันละ 2-3 ชั่วโมง ทำให้การจับสัตว์น้ำกลางทะเลสั้นลง และได้ปริมาณสัตว์น้ำลดน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นในเร็ววันนี้ ผู้บริโภคอาหารทะเลก็จะต้องซื้ออาหารทะเลที่แพงขึ้นเหมือนเงาตามตัว
รายงานข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับไฟป่าในพื้นที่ จ.เรียว บนเกาะสุมาตรา ของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งในเบื้องต้น ทางการประเทศอินโดนีเซียออกมาระบุว่า น่าเกิดจากการลักลอบเผาป่า เพื่อปลูกต้นปาล์มน้ำมันของบริษัทเอกชนบางแห่ง ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ยังคงวิกิฤตจนส่งผลทำให้ควันไฟป่าถูกกระแสลมพัดปกคลุมขยายวงกว้างไปยังพื้นที่ประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งล่าสุด ภาคใต้ตอนล่างอย่าง จ.สตูล จ.สงขลา จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส เริ่มได้รับผลกระทบจากควันไฟป่าแพร่ปกคลุม แต่ไม่มากนักเป็นเวลา 2 วันแล้ว
เมื่อเวลา 06.00 น. วันนี้ (25 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ตระเวนเดินทางไปตรวจสอบพบว่า ภาพรวมในช่วงเวลาดังกล่าวมีควันไฟป่าปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ซึ่งมีลักษณะคล้ายหมอกสีขาวแต่มีกลิ่นเหม็น ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นขณะขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนสั้นลง อยู่ในระยะเพียง 300-400 เมตร ถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อวานนี้จะมีควันไฟป่าแพร่ปกคลุมพื้นที่หนาตากว่าเกือบ 2 เท่า ยานพาหนะทุกชนิดต้องคอยเปิดไฟหน้า เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น แต่สภาวะดังกล่าวจะเริ่มดีขึ้นเมื่อเวลา 08.00 น. เป็นต้นไป เมื่อแสงอาทิตย์ส่องลงมา และจะเป็นวัฏจักรอยู่แบบนี้อีกครั้งในช่วงใกล้ค่ำที่จะมีควันไฟป่าแพร่ปกคลุมหนาตาอีกครั้ง
และจากสภาวะของอากาศที่เริ่มเย็นลง ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ กลุ่มประชาชนที่อาศัยอยู่แถบชายป่าที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมหนาตา กลุ่มนี้จะมีควันไฟป่าแพร่ปกคลุมมากขึ้นกว่าประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตชุมชนเมือง บางครอบครัวถึงกับต้องปิดประตูหน้าต่าง เนื่องจากไม่สามารถทนกลิ่นเหม็นฟุ้งของควันไฟป่าได้
นอกจากนี้ ผลพวงของควันไฟป่าในประเทศอินโดนีเซียพัดปกคลุมพื้นที่ จ.นราธิวาส ยังส่งผลกระทบต่อประชาชนที่นำเรือประมงออกไปจับสัตว์น้ำกลางทะเลด้วย เพราะต้องยืดเวลาในการเดินเรือออกไปอีกวันละ 2-3 ชั่วโมง ทำให้การจับสัตว์น้ำกลางทะเลสั้นลง และได้ปริมาณสัตว์น้ำลดน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นในเร็ววันนี้ ผู้บริโภคอาหารทะเลก็จะต้องซื้ออาหารทะเลที่แพงขึ้นเหมือนเงาตามตัว