ยะลา - ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ สั่งคุมเข้มพื้นที่ป้องกันการตอบโต้ของฝ่ายคนร้าย หลังวิสามัญ “มะดารี ตาเยะ” แกนนำก่อเหตุรุนแรงได้เมื่อวาน
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดยะลา สนธิกำลังทหาร ฉก.ยะลา 12 ตำรวจชุดสืบสวนคดีสำคัญ ศชต. อาสาสมัครทหารพราน 41 และกำลังฝ่ายปกครอง เข้าปิดล้อมพื้นที่เป้าหมายที่บ้านแอแก็ง หมู่ 5 ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา หลังสืบทราบว่า นายมะดารี ตาเยะ แกนนำก่อเหตุรุนแรง ระดับหัวหน้ากลุ่มปฎิบัติการอาร์เคเค พร้อมพวก เข้ามากบดานอยู่ในพื้นที่ ซึ่งในขณะเข้าปิดล้อมได้เกิดการปะทะกัน เป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร บาดเจ็บรวม 2 นาย ส่วนนายมะดารี ตาเยะ ถูกวิสามัญจนเสียชีวิต พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนอาก้า และอาวุธปืนพกสั้น พร้อมเครื่องกระสุนรวม 2 กระบอก เหตุเกิดเมื่อเวลา 08.20 น. วานนี้ (20 มิ.ย.) ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยก่อนเป็นประธานมอบเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่ปฎิบัติหน้าที่ดีเด่น จำนวน 17 นาย กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นผลการปฎิบัติของตำรวจภูธรจังหวัดยะลาที่ได้ติดตามเป้าหมาย และความเคลื่อนไหวของคนร้ายกลุ่มนี้มาโดยตลอด เมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.) ก็พบความเคลื่อนไหว จึงได้นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้น แล้วเกิดการยิงปะทะกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย เป็นตำรวจ 1 นาย ทหาร 1 นาย ซึ่งทั้ง 2 นายก็ปลอดภัยแล้ว
ส่วนคนร้ายที่เสียชีวิตคือ นายมะดารี ตาเยะ ก็เป็นคนร้ายคนสำคัญที่มีหมายจับ ตรวจสอบเบื้องต้น 6 หมาย แต่เชื่อว่าน่าจะมีมากกว่านั้น มีประวัติการก่อเหตุหลายครั้งในพื้นที่ ส่วนการป้องกันการตอบโต้นั้นก็มีมาตรการเตรียมเอาไว้แล้ว ซึ่งเป็นการปฎิบัติตามปกติเมื่อมีการปะทะกันครั้งใด แล้วมีการสูญเสียของฝ่ายตรงข้าม ก็จะต้องมีการระมัดระวังในการตอบโต้ในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร หรือฝ่ายปกครอง
“นายมะดารี ตาเยะ เป็นแกนนำระดับผู้บังคับหมวด ตามบัญชีโครงสร้าง ซึ่งจริงๆ แล้วผู้ปฎิบัติการตามบัญชีโครงสร้างที่ทางเจ้าหน้าที่มีอยู่ ที่ผ่านมาก็มีความพยายามสื่อสารไปยังญาติพี่น้องของกลุ่มคนดังกล่าวให้ออกมามอบตัวต่อทางการ เจ้าหน้าที่ไม่ต้องการให้มีการยิงปะทะกัน แต่เมื่อมีเหตุจำเป็นที่มีการยิงต่อสู้ เจ้าหน้าที่จึงต้องมีการป้องกันตัว แต่อย่างไรก็ตาม ตนเองและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายก็ไม่ได้ต้องการให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวขึ้น รู้สึกเสียใจกับญาติของผู้ที่เสียชีวิต แต่เป็นเหตุจำเป็นที่เจ้าหน้าที่จะต้องป้องกันตัว” ผบช.ศชต.กล่าว
