ยะลา - ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อ 2 คนร้ายที่ถูก จนท.วิสามัญที่ อ.รามัน จ.ยะลา เป็นแกนนำระดับฏิบัติการ สั่งคุมเข้มพื้นที่เสี่ยงหวั่นคนร้ายอาศัยช่องว่างเข้ามาปฏิบัติการ
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองสนธิกำลังร่วม 100 ราย เข้าปิดล้อมบ้านต้องสงสัยในพื้นที่ ม.1 ต.ยะต๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา แล้วเกิดการยิงปะทะกับคนร้าย ทำให้คนร้ายเสียชีวิต 2 ราย คือ นายมานะ มะแซจือนารง อายุ 35 ปี และนายอุสมัน วารี อายุ 26 ปี นอกจากนี้ คนร้ายอีก 1 คน ยอมมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ คือนายอับดุลรอเซะ เด็งสาแม อายุ 56 ปี โดยหลังการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอาวุธปืนได้ 3 กระบอก เป็นอาวุธปืน M16 (M4) จำนวน 1 กระบอก ปืนพกสั้นขนาด 9 มม. 2 กระบอก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันนี้ (1 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีปฐมนิเทศแก่ข้าราชการตำรวจที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งใหม่ ในพื้นที่ 3 จชต. จำนวน 610 นาย ว่า สำหรับกรณีวิสามัญคนร้ายเสียชีวิตเมื่อวานที่ผ่านมา ก่อนอื่นตนเองก็ขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตด้วย เจ้าหน้าที่ได้มีการปฏิบัติการเจรจา เพื่อขอให้มอบตัว แต่ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ทำให้มีฝ่ายเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 2 นาย และคนร้ายทั้ง 2 ก็ถูกยิงเสียชีวิต ใช้เวลาในการปิดล้อม และเจรจาค่อนข้างนาน มี 1 ในคนร้ายขอมอบตัว
พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า สำหรับคนที่เสียชีวิตทั้ง 2 มีหมายจับในคดีด้านความมั่นคง คนละ 3 หมายจับ โดยเฉพาะนายมานะ ที่มีหมายจับในคดีลอบยิงสารวัตรใหญ่ สภ.โกตาบารู โดยทั้ง 2 รายถือเป็นแกนนำคนสำคัญที่ปฏิบัติการของในพื้นที่ ส่วนรายที่ขอมอบตัวนั้นก็อยู่ในระหว่างการซักถาม ซึ่งรายนี้มีอายุค่อนข้างมาก การพูดคุยคงจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ส่วนอาวุธปืนเอ็ม 16 เมื่อตรวจสอบแล้วก็พบว่าเป็นของตำรวจ สภ.ท่าธง ที่ถูกคาร์บอมบ์เสียชีวิต 5 นาย ส่วนปืนพกอีก 2 กระบอก ก็ตรวจสอบพบว่าเป็นของเจ้าหน้าที่ที่ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงก่อเหตุในพื้นที่ อ.รามัน แล้วนำไป
พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากมีการวิสามัญ 2 คนร้ายในครั้งนี้แล้ว ก็ได้สั่งการให้มีความเข้มในการตรวจสอบ และปิดช่องว่างต่างๆ เนื่องจากคนร้ายจะอาศัยช่องว่างในการก่อเหตุ ส่วนกลุ่มของนายมานะ ที่ถูกวิสามัญนั้น กลุ่มนี้ปกติก็จะเคลื่อนไหวไปมาอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งพื้นที่ ต.กาลูปัง ต.ยะต๊ะ ปกตินั้นก็จะไม่ค่อยมีเหตุการณ์เกิดขึ้น โดยพื้นที่เหล่านี้ที่ไม่มีเหตุการณ์ ฝ่ายเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่ใช้กบดานมากกว่า ส่วนเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว จากการสอบสวนก็น่าจะเชื่อว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง เนื่องจากถูกกลุ่มดังกล่าวข่มขู่เอาไว้เพื่อขอเป็นที่พักพิงเท่านั้น