นครศรีธรรมราช - DSI ร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เข้าจู่โจมจับกุมเหมืองแร่เถื่อนใน อ.ร่อนพิบูลย์ ตรวจยึดแร่อิลมาไนท์ ไทเทเนียม และแร่ดีบุกหลายร้อยตัน เผยส่งขายแร่เถื่อนไปแล้วมากกว่าแสนตัน หวั่นสารหนูในแหล่งน้ำธรรมชาติเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่จำนวนมากแล้ว
เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (19 มิ.ย.) นายอุดม เพชรคุต ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 8 กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย นายธรรมศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ ผอ.อุตสาหกรรมเหมืองแร่เขต 1 สงขลา และ พ.อ.อ.ศุภโชค พราหมพูน หัวชุดเฉพาะกิจปราบปรามการลักลอบตัดไม้และทำลายทรัพยากรธรรมชาตินครศรีธรรมราช ร่วมกันสนธิกำลังเจ้าหน้าที่รวมกว่า 30 นาย เข้าจู่โจมเหมืองแร่เถื่อนที่ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 3 บ้านเขารามโรม ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ขณะกำลังแยกสินแร่ออกมาจากเนื้อดิน โดยเมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ก็ต่างวิ่งหนีไปคนละทาง
หลังจากนั้น ได้เข้ายึดโรงงานล้างแยกสินแร่ พร้อมทั้งรถแบ็กโฮที่กำลังตักดินส่งเข้าโรงล้าง และจับกุมผู้ต้องหาที่กำลังทำงานก่อนวิ่งหลบหนีเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ โดยจับกุมไว้ได้รวม 6 คน ทราบชื่อคือ นายเคลื่อน อินทร์อักษร อายุ 63 ปี นายเสนอ เรือเพชร อายุ 39 ปี นายศราวุธ ศรีวิหค อายุ 19 ปี นายเอกชัย สินโธ อายุ 25 ปี นายวิโรจน์ ชินพงศ์ อายุ 57 ปี และนางยุพดี ชินพงษ์ อายุ 53 ปี ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ใกล้เคียงกับเหมืองแร่ดังกล่าว
และเมื่อตรวจสอบพบว่า เหมืองดังกล่าวได้มีเครื่องจักรเข้ามาประกอบเป็นโรงล้าง มีการล้างแยกเนื้อแร่ ซึ่งมีทั้งแร่อิลมาไนท์ แร่ไทเทเนียม และแร่ดีบุก ถูกกองรวมไว้เพื่อเข้าโรงแต่งแร่อีกครั้ง ปริมาณรวมมากกว่า 100 ตัน และแร่ดีบุกที่ถูกบรรจุในกระสอบแล้วกว่า 30 กระสอบ รวมมูลค่าทั้งหมดมากกว่า 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ได้เข้าจู่โจมได้ไม่นาน ปรากฏว่า ได้มีนายเริญ ทองเพิ่ม อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่ 4 ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เข้ามาแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ว่าเป็นเจ้าของพื้นที่ดิน จึงถูกจับกุมเพิ่มเติม โดยนายเริญ สารภาพในเบื้องต้นว่า เป็นเจ้าของพื้นที่เหมืองทั้งหมด มีเอกสารสิทธิเป็น น.ส.3 ก.เนื้อที่รวม 24 ไร่
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบ้านใกล้กับขุมเหมือง พบว่าเป็นแหล่งแต่งแร่ และบรรจุกระสอบ โดยการแยกแร่ดีบุก และแร่อิลมาไนท์ออกจากกัน จึงทำการตรวจยึดเพิ่มเติมอีกมากกว่า 1 ตัน ส่วนราคาแร่ดีบุกจะอยู่ที่ 3.8 หมื่นบาทต่อหาบ หรือ 60 กก. ส่วนแร่อิลมาไนท์ จะอยู่ที่ 10,000 บาทเศษต่อตัน
นายธรรมศักดิ์ พงศ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการอุตสาหกรรมเหมืองแร่เขต 1 สงขลา ระบุว่า ก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุมนั้น ได้รับการร้องเรียนว่ามีการลักลอบทำเหมืองเถื่อน ซึ่งทำให้รัฐสูญเสียค่าภาคหลวงไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะขุมเหมืองแห่งนี้มีค่าภาคหลวงสูญเสียไปนับสิบล้านบาท หลังจากสืบสวนจนแน่ชัดจึงได้ประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ติดตามพฤติการณ์อยู่กว่า 1 เดือนจึงเข้าจู่โจม โดยจะเตรียมขยายผลทั้งขบวนการที่เกี่ยวข้องกับการทำแร่ ทั้งการสวมสิทธิแร่กับผู้ที่ได้รับอนุญาต การค้าแร่เถื่อน รวมไปถึงการส่งออกแร่ข้ามชาติ สำหรับเหมืองแห่งนี้พบว่าถูกผลิตแร่ไปแล้วมากกว่า 100,000 ตัน
และขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบเนื้อแร่ ได้ระบุว่า แร่ดีบุกจะมีสารเจือปน คือ อะซิโนไพไรท์ หรือสารหนู เจือปนอยู่ในสายแร่ ซึ่งการประกอบการลักษณะเช่นนี้จะส่งผลกระทบ เนื่องจากการล้างแร่จะมีสารหนูปนเปื้อนออกมา และออกไปสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ จะส่งผลกระทบโดยกว้าง ขณะเดียวกัน ที่ดินใน ต.ร่อนพิบูล อ.ร่อนพิบูลย์ จะเป็นพื้นที่ที่สารหนูปนเปื้อนมากที่สุดอยู่แล้ว สืบเนื่องจากการทำเหมืองแร่ดีบุกเมื่อหลายสิบปีก่อน และหากมีการลักลอบทำเหมืองเช่นนี้จะยิ่งเพิ่มสารหนูปนเปื้อนในแหล่งน้ำธรรมชาติมากขึ้น