ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวบ้านบางเทา จ.ภูเก็ต กว่า 50 ราย รวมตัวเรียกร้องให้ อบต.เชิงทะเล แก้ไขปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะหลังถูกอ้างสิทธิครอบครองไม่ให้ชาวบ้านเข้าใช้ประโยชน์ ด้านรองนายก อบต.เชิงทะเล เผยเตรียมประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีบุกรุกที่สาธารณะ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (17 มิ.ย.) ชาวบ้านบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จำนวนกว่า 50 คน นำโดยนายเกชา เกราะเหล็ก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 และประธานชมรมเรือหางยาวอ่าวบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เดินทางมารวมตัวกันที่ปากคลองบางเทาเพื่อเรียกร้องให้องค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล ดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีมีการบุกรุกที่สาธารณะ บริเวณบ้านเลขที่ 63/4 ม.3 ต.เชิงทะเล ซึ่งผู้ใช้ประโยชน์รายเก่าแต่ได้คืนกลับให้ อบต.เชิงทะเล เพื่อให้เป็นที่สาธารณะ แต่มีรายใหม่สวมรอยอ้างสิทธิไม่ยอมให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ ชาวบ้านจำนวนหนึ่งเลยรวมตัวกันเรียกร้อง และแสดงสัญลักษณ์ด้วยการนำสีสเปรย์มาฉีดพ่นเขียนข้อความคัดค้านการบุกรุกใช้ประโยชน์ที่สาธารณะเป็นที่ดินส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าวพบว่า มีพื้นที่ติดกับทะเล และปากคลองบางเทา เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เศษ และมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 4 หลัง ทราบชื่อผู้อ้างสิทธิครอบครองคือ นายสมศักดิ์ มิ่งพิจารณ์ บ้านเลขที่เดิม 158/18 หมู่ที่ 5 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เป็นผู้พักอาศัย
นายเกชา เกราะเหล็ก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า การรวมตัวของชาวบ้านบางเทานั้นเพื่อเรียกร้องให้ อบต.เชิงทะเล เข้ามาแก้ไขปัญหา เนื่องจากเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง โดยที่ดินแปลงดังกล่าวก่อนหน้านี้ มีนายรุ่งศักดิ์ พูนศิลป์ ได้เข้ามาอาศัย และใช้ประโยชน์ตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 ซึ่งเปิดเป็นรีสอร์ต จนเกิดเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี พ.ศ.2547 นายรุ่งศักดิ์ ได้ทิ้งร้างไม่มีการใช้ประโยชน์ จนเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ มิ่งพิจารณ์ ได้เข้ามาอาศัย และเริ่มสร้างสิ่งปลูกสร้างจนถึงปัจจุบัน โดยนายนายสมศักดิ์ ยังมีการทำหนังสือสัญญากับนายรุ่งศักดิ์ไว้ว่า หากเจ้าของเดิมจะขอคืนก็จะออกจากพื้นที่ดังกล่าวทันที
กระทั่งในวันที่ 18 ก.พ.2556 ที่ผ่านมา นายรุ่งศักดิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของเดิม ได้ทำหนังสือมอบที่ดินแปลงนี้ให้ อบต.เชิงทะเล เพื่อใช้เป็นที่สาธารณะ จึงทำให้นายสมศักดิ์ ซึ่งเข้ามาทีหลัง และทำสัญญาไว้ต้องย้ายออกจากพื้นที่ แล้วคืนที่ดินผืนนี้ให้เป็นที่สาธารณะทันที แต่จนถึงวันนี้ นายสมศักดิ์ยังไม่ยอมย้ายออก แถมยังห้ามมิให้ชาวบ้านเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว
แม้ว่าชาวบ้านพยายามเรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนเป็นที่สาธารณะ และใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่นายสมศักดิ์ ก็ไม่มีท่าทีที่จะยอมออกจากพื้นที่ ประกอบกับทาง อบต.เชิงทะเลก็ไม่เข้ามาดำเนินการ จึงต้องรวมตัวเรียกร้องในที่สุด
ขณะที่ นายรังสรรค์ สาเหล่ เลขาชมรมเรือหางยาวบางเทา กล่าวว่า ที่ดินแห่งนี้เป็นที่สาธารณะ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ทาง อบต.เชิงทะเล เร่งเข้ามาดำเนินการ เนื่องจากทุกวันนี้ชายหาดบางเทามีเนื้อที่กว่า 8 กิโลเมตร แต่มีพื้นที่ที่ให้ชาวบ้านสามารถใช้เดินลงสู่ชายหาดได้กว้างเพียง 3 เมตรเท่านั้น ดังนั้น ในอนาคตหากเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ จะมีการช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างไร แต่หากได้พื้นที่ตรงนี้คืนมาชาวบ้านในพื้นที่ก็จะได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งจุดดังกล่าวเป็นจุดจอดเรือหางยาว ชาวบ้านจะได้ใช้เป็นที่ซ่อมเรือ และนำเรือขึ้นฝั่งได้ในช่วงมรสุม
อย่างไรก็ตาม ภายหลังรวมตัวกันชาวบ้านทั้งหมดได้เดินทางไปยัง อบต.เชิงทะเลเพื่อถามแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวต่อ นายไชยรัตน์ วัตรสังข์ รองนายก อบต.เชิงทะเล ในฐานะตัวแทนเข้าร่วมพูดคุย ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงได้ขอสรุปเป็นที่น่าพอจนทำให้ชาวบ้านที่มาร้องเรียนนั้นสลายตัวกันในที่สุด
โดยนายไชยวัฒน์ วัตรสังข์ รองนายก อบต.เชิงทะเล กล่าวภายหลังพูดคุยกับตัวแทนชาวบ้านว่า ทาง อบต.เชิงทะเล ได้มีการทำหนังสือแจ้งไปยัง นายสมศักดิ์ มิ่งพิจารณ์ เพื่อให้ย้าย และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีการออกจากพื้นที่ ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้จะนำปัญหาดังกล่าวเข้าที่ประชุมร่วมกับฝ่ายบริหารเร่งดำเนินการเร่งด่วนใน 3 เรื่องคือ 1.ทำป้ายประกาศเป็นพื้นที่สาธารณะห้ามใครบุกรุก 2.ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีใน 2 ข้อหา คือ บุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ และก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 3.ดำเนินการรื้อถอนอาคารปลูกสร้างบางส่วน และปรับพื้นที่ให้เรียบให้สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน