กระบี่ - รถบรรทุกน้ำมันทำน้ำมันหกบนถนนสายเพหลา-ทับไทร จ.กระบี่ ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร เป็นเหตุให้รถที่ใช้ถนนเส้นทางดังกล่าวประสบอุบัติเหตุรวม 11 คัน มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 3 ราย เจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนทำความสะอาดนานกว่า 1 ชั่วโมง
วันนี้ (14 มิ.ย.) ร.ต.อ.อุดมศักดิ์ ทัพภะ พนักงานสอบสวน สภ.คลองท่อม จ.กระบี่ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุรถชนกันบนถนนสายเพหลา-ทับไทร ม.3 ต.พรุดินนา อ.ลำทับ จ.กระบี่ มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย มีรถยนต์ประสบเหตุกว่า 10 คัน จึงประสานหน่วยกู้ภัย และหน่วยกู้ภัยมูลนิประชาสันติสุขคลองท่อม แล้วเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุพบมีคราบน้ำมันสีดำไหลเรี่ยราดตลอดเส้นทาง ระยะทางกว่า 10 กม. คาดว่าเป็นน้ำมันดีเซล
ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีเทา ทะเบียน กง 5579 กระบี่ จอดอยู่บนถนนสภาพด้านหน้าพังยับเยิน ใกล้กันพบรถเก๋งนิสสัน สีน้ำเงิน ทะเบียน กค 5166 ภูเก็ต จอดขวางอยู่บนถนน สภาพด้านข้างซ้ายตัวรถพังยับ เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ 3 คน ทราบชื่อ นางสุรัสวดี ผกามาศ อายุ 41 ปี นายสุกัญญา เครือจันทร์ และนางเขียด คงศิริ อายุ 76 ปี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุที่รถเกิดชนกันมาจากคราบน้ำมันที่อยู่บนผิวถนน
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งอีกว่า ก่อนถึงที่เกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร มีรถกระบะนิสสัน หมายเลขทะเบียน ทบน 2162 กระบี่ ของหน่วยกู้ภัยมูลนิธิเต็กก่า จีคุงเกาะ ประสบเหตุไถลออกนอกเลน ช่วงท้ายรถไปฟาดกับคนที่เดินอยู่บนถนนเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ นางส้มอิ่ม บุตรครุฑ อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 ม.3 ต.พรุดินนา โดยคนขับรถคันดังกล่าว ทราบชื่อคือ นายสุรศักดิ์ จิตต์ประพันธ์ อายุ 26 ปี ให้การว่า ระหว่างขับรถไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุรถเสียหลักเนื่องจากถนนลื่นเพราะคราบน้ำมันที่อยู่บนถนนทำลื่นไถลออกนอกเลนแล้วเบรกไม่อยู่ ก่อนพุ่งไปชนผู้เสียชีวิตดังกล่าว
จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าหน้าที่รับแจ้งมีรถประสบอุบัติเหตุตามมาอีก จำนวน 8 คัน เป็นรถกระบะ7 คัน และรถเก๋ง อีก 1 คัน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ อส. มาทำการปิดถนนถนนสายดังกล่าวเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง และให้รถวิ่งเส้นทางอื่นเพื่อเคลียร์พื้นที่ และขจัดคราบน้ำมันป้องกันอุบัติเหตุซ้ำ ประกอบกับมีฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้คราบน้ำมันหมดไปจากผิวถนน จึงสามารถปล่อยให้รถวิ่งผ่านได้ตามปกติ
ร.ต.อ.อุดมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้อุบัติเหตุครั้งนี้ คาดว่ามาจากรถบรรทุกทำคราบน้ำมันรั่วลงบนผิวถนนตลอดสาย รวมระยะทาง 14 กิโลเมตร แต่ยังไม่ทราบว่ามาจากรถคันไหน ซึ่งจะได้ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจสอบว่า ในช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุมีรถบรรทุกน้ำมันคันใดวิ่งผ่านจุดดังกล่าวบ้าง เพื่อติดตามตัวผู้ที่ทำให้น้ำมันหกลงพื้นถนน รวมระยะทาง 14 กิโลเมตร มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (14 มิ.ย.) ร.ต.อ.อุดมศักดิ์ ทัพภะ พนักงานสอบสวน สภ.คลองท่อม จ.กระบี่ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุรถชนกันบนถนนสายเพหลา-ทับไทร ม.3 ต.พรุดินนา อ.ลำทับ จ.กระบี่ มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย มีรถยนต์ประสบเหตุกว่า 10 คัน จึงประสานหน่วยกู้ภัย และหน่วยกู้ภัยมูลนิประชาสันติสุขคลองท่อม แล้วเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุพบมีคราบน้ำมันสีดำไหลเรี่ยราดตลอดเส้นทาง ระยะทางกว่า 10 กม. คาดว่าเป็นน้ำมันดีเซล
ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีเทา ทะเบียน กง 5579 กระบี่ จอดอยู่บนถนนสภาพด้านหน้าพังยับเยิน ใกล้กันพบรถเก๋งนิสสัน สีน้ำเงิน ทะเบียน กค 5166 ภูเก็ต จอดขวางอยู่บนถนน สภาพด้านข้างซ้ายตัวรถพังยับ เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ 3 คน ทราบชื่อ นางสุรัสวดี ผกามาศ อายุ 41 ปี นายสุกัญญา เครือจันทร์ และนางเขียด คงศิริ อายุ 76 ปี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุที่รถเกิดชนกันมาจากคราบน้ำมันที่อยู่บนผิวถนน
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งอีกว่า ก่อนถึงที่เกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร มีรถกระบะนิสสัน หมายเลขทะเบียน ทบน 2162 กระบี่ ของหน่วยกู้ภัยมูลนิธิเต็กก่า จีคุงเกาะ ประสบเหตุไถลออกนอกเลน ช่วงท้ายรถไปฟาดกับคนที่เดินอยู่บนถนนเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ นางส้มอิ่ม บุตรครุฑ อายุ 78 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 ม.3 ต.พรุดินนา โดยคนขับรถคันดังกล่าว ทราบชื่อคือ นายสุรศักดิ์ จิตต์ประพันธ์ อายุ 26 ปี ให้การว่า ระหว่างขับรถไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุรถเสียหลักเนื่องจากถนนลื่นเพราะคราบน้ำมันที่อยู่บนถนนทำลื่นไถลออกนอกเลนแล้วเบรกไม่อยู่ ก่อนพุ่งไปชนผู้เสียชีวิตดังกล่าว
จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าหน้าที่รับแจ้งมีรถประสบอุบัติเหตุตามมาอีก จำนวน 8 คัน เป็นรถกระบะ7 คัน และรถเก๋ง อีก 1 คัน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ อส. มาทำการปิดถนนถนนสายดังกล่าวเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง และให้รถวิ่งเส้นทางอื่นเพื่อเคลียร์พื้นที่ และขจัดคราบน้ำมันป้องกันอุบัติเหตุซ้ำ ประกอบกับมีฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้คราบน้ำมันหมดไปจากผิวถนน จึงสามารถปล่อยให้รถวิ่งผ่านได้ตามปกติ
ร.ต.อ.อุดมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้อุบัติเหตุครั้งนี้ คาดว่ามาจากรถบรรทุกทำคราบน้ำมันรั่วลงบนผิวถนนตลอดสาย รวมระยะทาง 14 กิโลเมตร แต่ยังไม่ทราบว่ามาจากรถคันไหน ซึ่งจะได้ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจสอบว่า ในช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุมีรถบรรทุกน้ำมันคันใดวิ่งผ่านจุดดังกล่าวบ้าง เพื่อติดตามตัวผู้ที่ทำให้น้ำมันหกลงพื้นถนน รวมระยะทาง 14 กิโลเมตร มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
