ชุมพร - เด็กวัย 8 ขวบ เสียชีวิตด้วยโรคไข้เลือดออกอีกเป็นรายที่ 4 ในรอบ 1 เดือน ด้านแม่เด็กวอนหน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ขณะที่แพทย์เตือนให้เร่งพาผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลทันทีอย่าคิดว่าเป็นไข้ธรรมดา มิฉะนั้นจะสายเกินแก้
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่บ้านเลขที่ 8/1 ถ.ทุ่งใน เขตเทศบาลเมืองหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร นางศิวิมล บัวชุม อายุ 46 ปี และนายชัยชนะ บัวชุม อายุ 48 สองสามีภรรยาได้นำร่างอันไร้วิญญาณของ ด.ช.ภูวดล บัวชุม หรือ “น้องภู” อายุ 8 ขวบ ลูกชายที่เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออก มาบรรจุลงหีบศพเพื่อบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของบรรดาญาติ และเพื่อนบ้านที่มาร่วมพิธีดังกล่าว พร้อมกับต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกที่กำลังรุนแรงมากขึ้นในพื้นที่ จ.ชุมพร หลังจากที่ ด.ช.ภูวดล เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้เพียงวันเดียว และต้องเสียชีวิตลงอย่างสลดใจ
นางศิวิมล บัวชุม ผู้เป็นแม่กล่าวว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา “น้องภู” ลูกชายของตนมีอาการปวดหัวจึงได้พาไปหาหมอที่คลินิกแห่งหนึ่งใน อ.หลังสวน และหมอให้ยากลับมากินที่บ้าน แต่อาการไม่ดีขึ้น กลับอาเจียนอย่างรุนแรง ดังนั้น รุ่งเช้าวันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. ตนจึงพาไปส่งที่โรงพยาบาลหลังสวน แพทย์ตรวจเลือดแล้วบอกว่า เป็นไข้เลือดออกถึงขั้นอยู่ในภาวะช็อก จากนั้นแพทย์ได้ส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ประกอบกับแพทย์บอกว่าให้ทำใจ เพราะอวัยวะภายในของ “น้องภู” มีเลือดไหลออกมา ทั้งตับไต ม้าม ไม่สามารถช่วยชีวิตได้แล้ว จนกระทั่งตอนสายของเช้าวันจันทร์ที่ 10 มิ.ย.นี้ “น้องภู” ได้สิ้นใจคาเตียงที่โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หมอบอกว่า ได้รับเชื้อที่รุนแรงทำให้เด็กเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ นางศิวิมล กล่าวต่อว่า ปกติ “น้องภู” ลูกชายตนเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรง ตอนไปหาหมอที่คลินิกก็ยังไม่มีอาการอะไรมาก พูดจาชวนคุยสนุกสนานอยู่ตลอดเวลาสัปดาห์ตนยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ มีเด็กเป็นไข้เลือดออกในเขต อ.หลังสวนเสียชีวิตไปแล้ว 1 ราย ส่วนลูกชายตนเป็นรายที่ 2 แล้ว ดังนั้น จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมารณรงค์ และฉีดพ่นยากำจัดยุ่งที่เป็นพาหนะนำเชื้อโรคไข้เลือดออกอย่างจริงจังต่อเนื่อง เพราะจนถึงขณะนี้ตนยังไม่เห็นมีหน่วยงานใดเข้าในพื้นที่นี้เลย
ด้านนายแพทย์ประภาส จิตตาศิรินุวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ กล่าวชี้แจงว่า ผู้ป่วยไข้เลือดออกนั้น ช่วงที่อันตรายที่สุดคือ ช่วงระหว่างที่ผู้ป่วยมีไข้ลงหรือไข้ลด ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 3-5 ของการเป็นไข้เลือดออก ผู้ป่วยจะมีอาการตัวเย็น ซึม หากพบอุจจาระเป็นสีดำ และอาเจียนต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน ที่ผ่านมาผู้ปกครอง หรือญาติผู้ป่วยมักจะสับสนว่า เมื่อลูกหลานของตนมีไข้ลด ตัวไม่ร้อนแล้ว มีอาการดีขึ้น จึงคิดว่าเป็นไข้ และกำลังจะหายเป็นปกติแต่ความจริงเป็นภาวะที่อันตรายมากที่สุด ทางที่ดีผู้ปกครองควรจะนำเด็ก หรือผู้ป่วยไปหาแพทย์ในทันทีเพื่อจะได้รับการรักษาได้อย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสาธารณสุข จ.ชุมพร นับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงขณะนี้ จ.ชุมพร มีผู้ป่วยไข้เลือดออกแล้วเกือบ 500 ราย มีผู้เสียชีวิต 4 ราย โดยทั้ง 4 รายอยู่ในวัยเด็ก ซึ่งเป็นการเสียชีวิตช่วงระหว่างกลางเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ อีกทั้งยังพบว่า ผู้ป่วยทั้งหมดเมื่อมีอาการหนักแล้วผู้ปกครอง หรือญาติจะพาเข้าโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจรักษา จึงไม่สามารถช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที