ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทุกภาคส่วนในภูเก็ตร่วมต้อนรับผู้ว่าฯ คนใหม่ ประเดิมงานแรกส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต สนองนโยบายรัฐบาล พร้อมสานต่อโครงการที่ทำไว้ให้บรรลุเป้าหมาย โดยเฉพาะเรื่องระบบจราจร
วันนี้ (8 ต.ค.) ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ และนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ข้าราชการ หน่วยงานภาคเอกชน ภาคประชาชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต และกลุ่มลูกเสือชาวบ้าน จังหวัดภูเก็ตจำนวนมาก ร่วมให้การต้อนรับ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และนางภาวิณี อินทุสุต นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต คนใหม่ และคณะ ซึ่งเดินทางถึงท่าอากาศยานภูเก็ต เมื่อเวลา 11.20 น.ด้วยสายการบินไทย TG 205
หลังจากพบปะผู้ที่มารอรับแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และคณะได้เดินทางไปที่ศาลหลักเมือง บ้านเมืองใหม่ ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง เพื่อสักการะศาลหลักเมือง โดยมีว่าที่ ร.ต.สมภพ ก้อนแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทพกระษัตรี และคณะร่วมให้การต้อนรับ
ต่อจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และคณะได้เดินทางไปที่บริเวณสี่แยกท่าเรือ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง เพื่อเข้าสักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร โดยมีนายวรวุฒิ ทรงยศ นายกเทศมนตรีตำบลศรีสุนทร และคณะให้การต้อนรับ เมื่อเสร็จจากการสักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และคณะได้เดินทางมุ่งหน้าสู่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อสักการะศาลพระภูมิ และร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับคณะที่ร่วมเดินทางมาส่ง และผู้ที่มาให้การต้อนรับ
จากนั้น เวลา 14.00 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต ได้เดินทางมาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต แล้วต่อด้วยการกราบไหว้พระบูชาภายในห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และแวะเข้าทักทายหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ภายในศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
จากนั้น เวลา 14.30 น.ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และคณะได้เดินทางไปที่วัดวิชิตสังฆาราม (วัดควน) อ.เมืองภูเก็ต เพื่อเข้ากราบนมัสการพระวิสุทธิธรรมคณี เจ้าคณะจังหวัดภูเก็ต เจ้าอาวาสวัดท่าเรือ และพระสังฆาธิการของจังหวัดภูเก็ต ต่อจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และคณะได้เดินทางไปที่วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) ต.ฉลอง อ.เมือง เพื่อถวายสักการะหลวงพ่อแช่ม
โดยนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวขอบคุณรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ปลัดจังหวัด นายอำเภอ ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการทุกฝ่าย ข้าราชการ ภาคเอกชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกเหล่ากาชาด และกลุ่มลูกเสือชาวบ้านที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นยิ่ง ตนรู้สึกดีใจที่ได้มารับใช้พี่น้องชาวภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองสากลระดับโลก ตนมาจากสังคมเกษตร มาอยู่สังคมท่องเที่ยว สังคมของธุรกิจบริการ ก็ต้องปรับใจ และปรับตัว
นายไมตรี กล่าวถึงการทำงานด้วยว่า สิ่งสำคัญประการแรกที่ต้องทำ คือ การสนองงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล 16 ประการ โดยเฉพาะนโยบายเรื่องปีแห่งการท่องเที่ยวไทย ซึ่งภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของประเทศ เราก็ต้องสนองเรื่องนี้ ที่ใกล้จะถึงคือ เรื่องงานประเพณีถือศีลกินผัก คาดว่ารายได้จะนำสู่จังหวัดมากถึง 600 ล้านบาท ต่อไปก็จะเริ่มเปิดปีท่องเที่ยวไทย ในวันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป เพราะฉะนั้น ประเด็นท่องเที่ยวจะต้องเป็นเรื่องหลัก ต้องดูถึงความปลอดภัยนักท่องเที่ยว รวมถึงการท่องเที่ยวครบวงจรเชิงกลุ่มจังหวัดอันดามันด้วย
ส่วนการแก้ปัญหาด้านการท่องเที่ยว ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง มีประชาชนเป็นหูเป็นตาแทน ความร่วมมือที่ตนได้ติดตามมาของพี่น้องภูเก็ตมีความเข้มแข็ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็ทำได้ดีเยี่ยม มีจัดเซฟตี้โซน อาสาสมัครบอกข่าวก็จะเป็นสิ่งที่ระแวดระวัง เครื่องมือก็น่าจะมีพร้อม แต่เครื่องมือที่ดีที่สุดคือ พี่น้องประชาชนช่วยดูแลกันเอง”
นอกจากนั้น ยังมีในเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่จะต้องทำรองลงมา ทั้งปัญหาน้ำเสีย มลพิษทางอากาศ รวมทั้งการรักษาทรัพยากรป่าไม้ ตามด้วยเรื่องการพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งทุกภาคส่วนได้ทำไปเยอะแล้ว แต่สิ่งที่จะต้องเร่งทำที่คือ เรื่องน้ำท่วม การจราจร เรื่องเกี่ยวกับการป้องกันความเสี่ยงจากภัยพิบัติทุกเรื่อง และอีกหนึ่งเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ความมั่นคง ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว แรงงานต่างด้าว
นายไมตรี กล่าวต่อไปอีกว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องต่างๆ ในพื้นที่ภูเก็ตที่นั้นส่วนราชการได้ขับเคลื่อนไปเยอะแล้ว ตนมีหน้าที่มาร่วมคิด ร่วมทำในเชิงยุทธศาสตร์ ทำอย่างบูรณาการ แล้วก็ปฏิบัติอย่างเอาประโยชน์สุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยหลักบริหารเมืองใหญ่ๆ หลักคิด คือ ต้องมอบอำนาจการปฏิบัติให้ไปสู่ผู้ปฎิบัติอย่างแท้จริง โดยเฉพาะทางท้องถิ่น แล้วก็กลไกของรัฐระดับล่าง ทางจังหวัดก็ต้องบูรณาการ คือ หลอมรวมหลายๆ ฝ่ายให้ทำงานเสริมพลังกันให้ได้ นี้คือหลักคิด จังหวัดจะรับภาระทุกเรื่องคงจะทำได้ไม่สมบูรณ์ จะต้องมีการบูรณาการร่วมระหว่าง 7 ภาคีเครือข่าย ทั้งในส่วนของราชการ เอกชน ท้องถิ่น ประชาสังคม วิชาการ สื่อมวลชน และฝ่ายการเมือง ส่วนโครงการที่ทางจังหวัดทำไว้แล้ว ตนจะสานต่อโครงการที่ทำไว้ให้บรรลุ ซึ่งก็มีหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องระบบจราจร เรื่องการแก้ปัญหามลพิษของเสียง อะไรต่างๆ เหล่านี้เป็นต้น