สุราษฎร์ธานี - พบอดีตคนขับรถตู้โดยสารวัย 54 ปี เป็นโรคเส้นประสาททับกระดูกสันหลัง เดินไม่ได้จนขาลีบอยู่กับแม่วัย 80 ปี พร้อมถูกภรรยาหอบข้าวของ และลูกหนี ลั่นหากมีปาฏิหาริย์กลับมาเดินได้ จะบวชตลอดชีวิต
วันนี้ (10 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 4/1 หมู่ที่ 3 ต.พุนพิน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี หลังรับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว พบผู้ป่วยนอนอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ทราบชื่อภายหลัง คือ นายไพโรจน์ คงขันธ์ อายุ 54 ปี โดย นายไพโรจน์ ได้เล่าเรื่องราวแสนเศร้าให้ฟังว่า ผมมีอาชีพขับรถตู้รับจ้างวิ่งเส้นสุราษฎร์ฯ-หาดใหญ่ มีภรรยาบุตร 1 คน เมื่อปี พ.ศ.2549 ผมมีอาการปวดหลังอย่างต่อเนื่อง จนทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงได้เข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงในภาคใต้ ทางด้านคุณหมอได้แจ้งว่า เกิดเส้นประสาททับกระดูกสันหลัง สาเหตุเกิดจากขับรถนานเกินไปจึงต้องทำการผ่าตัด เมื่อทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยได้พักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล แต่มีความรู้สึกว่าขาแข้งขยับไม่ได้ และทำให้กระผมเดินไม่ได้
“อยู่โรงพยาบาลราว 2 เดือน เห็นว่าไม่ได้มีอะไรดีขึ้น และคิดว่าเป็นภาระของคนในครอบครัวต้องมาเฝ้า ผมจึงบอกให้คนในครอบครัวว่า พาผมกลับมาอยู่บ้านที่เช่าอยู่กับภรรยา ผมไม่เคยคิดกล่าวโทษใคร เพราะทุกคนรวมถึงคุณหมอทำดีที่สุดแล้ว ในช่วงการรักษานี้ได้แต่บอกตัวเองว่ามันคงเป็นเวรกรรมของผมเอง” นายไพโรจน์กล่าวและว่า
ทั้งนี้ด้วยความที่เดินไม่ได้จึงทำให้ขาลีบลง และขยับตัวช่วยตัวเองไม่ได้ ต่อมา ภรรยาผมเริ่มรู้สึกว่า เป็นภาระเธอ จึงนำผมมาไว้ที่อยู่ปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นบ้านของผมแม่ที่มีอายุแก่ชราอายุกว่า 80 ปีแล้ว และยังมีน้องชายผู้พิการทางสมอง คอยช่วยเหลือหยิบของใช้ ส่วนภรรยาหลังจากที่นำผมมาไว้ที่บ้านแม่เธอก็เลยนำรถตู้ของผมไปขาย เพราะตอนซื้อเป็นชื่อของภรรยา จากนั้นเธอก็นำลูกไปอยู่ด้วยไม่ได้ทิ้งเงินที่ขายรถได้ให้ผม เพราะเธอบอกต้องนำเงินมาเลี้ยงลูกผมจึงยอมให้โดยไม่อิดออด หลังจากนั้นผมไม่มีโอกาสได้คุย หรือพบลูกอีกเลย
“ผมได้แต่ชำเลืองมองแม่ผู้แก่ชราภาพ ยังต้องทำงานและดูแลผม ซึ่งที่จริงแล้ววัยขนาดแม่ต้องได้พักผ่อน ตอนนี้กระผมก็ได้แต่สวดมนต์ภาวนา ให้เกิดปาฏิหาริย์ขอผมเดินได้อีกครั้ง ผมมีปณิธาณว่าผมจะบวชตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ เพื่อชดใช้หนี้กรรมในอดีตสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมไม่เคยนึกกล่าวโทษใครผมถือว่า ผมได้ชดใช้กรรมในอดีตชาติ” นายไพโรจน์กล่าวที่สุด
วันนี้ (10 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 4/1 หมู่ที่ 3 ต.พุนพิน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี หลังรับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว พบผู้ป่วยนอนอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ทราบชื่อภายหลัง คือ นายไพโรจน์ คงขันธ์ อายุ 54 ปี โดย นายไพโรจน์ ได้เล่าเรื่องราวแสนเศร้าให้ฟังว่า ผมมีอาชีพขับรถตู้รับจ้างวิ่งเส้นสุราษฎร์ฯ-หาดใหญ่ มีภรรยาบุตร 1 คน เมื่อปี พ.ศ.2549 ผมมีอาการปวดหลังอย่างต่อเนื่อง จนทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงได้เข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงในภาคใต้ ทางด้านคุณหมอได้แจ้งว่า เกิดเส้นประสาททับกระดูกสันหลัง สาเหตุเกิดจากขับรถนานเกินไปจึงต้องทำการผ่าตัด เมื่อทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยได้พักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล แต่มีความรู้สึกว่าขาแข้งขยับไม่ได้ และทำให้กระผมเดินไม่ได้
“อยู่โรงพยาบาลราว 2 เดือน เห็นว่าไม่ได้มีอะไรดีขึ้น และคิดว่าเป็นภาระของคนในครอบครัวต้องมาเฝ้า ผมจึงบอกให้คนในครอบครัวว่า พาผมกลับมาอยู่บ้านที่เช่าอยู่กับภรรยา ผมไม่เคยคิดกล่าวโทษใคร เพราะทุกคนรวมถึงคุณหมอทำดีที่สุดแล้ว ในช่วงการรักษานี้ได้แต่บอกตัวเองว่ามันคงเป็นเวรกรรมของผมเอง” นายไพโรจน์กล่าวและว่า
ทั้งนี้ด้วยความที่เดินไม่ได้จึงทำให้ขาลีบลง และขยับตัวช่วยตัวเองไม่ได้ ต่อมา ภรรยาผมเริ่มรู้สึกว่า เป็นภาระเธอ จึงนำผมมาไว้ที่อยู่ปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นบ้านของผมแม่ที่มีอายุแก่ชราอายุกว่า 80 ปีแล้ว และยังมีน้องชายผู้พิการทางสมอง คอยช่วยเหลือหยิบของใช้ ส่วนภรรยาหลังจากที่นำผมมาไว้ที่บ้านแม่เธอก็เลยนำรถตู้ของผมไปขาย เพราะตอนซื้อเป็นชื่อของภรรยา จากนั้นเธอก็นำลูกไปอยู่ด้วยไม่ได้ทิ้งเงินที่ขายรถได้ให้ผม เพราะเธอบอกต้องนำเงินมาเลี้ยงลูกผมจึงยอมให้โดยไม่อิดออด หลังจากนั้นผมไม่มีโอกาสได้คุย หรือพบลูกอีกเลย
“ผมได้แต่ชำเลืองมองแม่ผู้แก่ชราภาพ ยังต้องทำงานและดูแลผม ซึ่งที่จริงแล้ววัยขนาดแม่ต้องได้พักผ่อน ตอนนี้กระผมก็ได้แต่สวดมนต์ภาวนา ให้เกิดปาฏิหาริย์ขอผมเดินได้อีกครั้ง ผมมีปณิธาณว่าผมจะบวชตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ เพื่อชดใช้หนี้กรรมในอดีตสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมไม่เคยนึกกล่าวโทษใครผมถือว่า ผมได้ชดใช้กรรมในอดีตชาติ” นายไพโรจน์กล่าวที่สุด