ผู้ว่าฯ กระบี่นำปลูกต้นไม้ประดับเส้นทางสายโรแมนติกดึงนักเที่ยว

กระบี่ - ประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผวจ.กระบี่ พร้อมคณะ ร่วมกับหอการค้าจังหวัด รณรงค์ปลูกไม้ดอกไม้ประดับบนไหล่ทางถนนสายกระบี่โรแมนติก หวังเพิ่มความสวยงาม และสร้างความประทับให้แก่นักท่องเที่ยวที่สัญจรผ่านไปมา

เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่จุดถ่ายภาพโครงการถนนสายกระบี่โรแมนติก บริเวณบ้านช่องพลี อ.เมือง จ.กระบี่ นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ปลูกไม้ดอกไม้ประดับบนไหล่ทางถนนสายกระบี่โรแมนติก โดยมี นายเปล่งยศ สกลกิติวัฒน์ ประธานคณะกรรมการบริหารหอการค้าจังหวัดกระบี่ ประชาชน นักท่องเที่ยว หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมปลูกต้นเฟื่องฟ้า ต้นทองอุไร ต้นราชินี จำนวนกว่า 1,000 ต้น เพื่อเป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เกิดความสวยงาม ให้เกิดความประทับใจแก่ผู้สัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าว

นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ถนนสายกระบี่โรแมนติกโรด เป็นถนนสายสัญจรไปยังแหล่งท่องเที่ยวหาดอ่าวนาง ต.อ่าวนาง หาดคลองม่วง ต.หนองทะเล และ อ่าวท่าเลน ต.เขาทอง อ.เมือง ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวที่มาเยือนปีละไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งที่จังหวัดกระบี่ต้องตระหนักถึงการให้บริการขั้นพื้นฐาน ด้านความปลอดภัย ด้านความสะอาด และด้านการดูแลบำรุงรักษาทรัพยากรการท่องเที่ยวให้คงความสวยงามอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว สำหรับโครงการถนนกระบี่โรแมนติกโรด เป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่สามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความสวยงาม และความเป็นธรรมชาติที่แท้จริง

ด้าน นายเปล่งยศ สกลกิติวัฒน์ ประธานคณะกรรมการบริหารหอการค้าจังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า สำหรับโครงการถนนกระบี่โรแมนติก หอการค้าจังหวัดกระบี่ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพัฒนาให้เกิดขึ้น เพราะถือได้ว่าถนนสายนี้มีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นถนนที่ใช้ในการสัญจรไป -มาตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เพราะสามารถโชว์ความงดงามแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดกระบี่ โดยนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับการเดินทางที่มีความสวยงามตลอดเส้นทางของถนนสายกระบี่โรแมนติก ที่มีระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร

ทั้งนี้ นายเปล่งยศ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ได้มีการจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้กว่า 1,000 ต้น เพื่อเพิ่มความสวยงามตามไหล่ทางตลอดเส้นทาง เพราะถือได้ว่าถนนสายดังกล่าวเปรียบเสมือนประตูต้อนรับนักท่องเที่ยว และหากนักท่องเที่ยวที่มีเวลาเพียงพอก็สามารถแวะถ่ายภาพบันทึกความทรงจำกับธรรมชาติที่สวยงาม และโรแมนติกทั้งสองข้างถนนสายนี้เป็นที่ระลึกก่อนเดินทางกลับอีกด้วย