พังงา - ทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย วางศิลาฤกษ์อาคารเทวสถานพระพิฆเนศ ก่อนขอองค์จริงกลับคืนถิ่น เพื่อให้ประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธาได้กราบไหว้บูชา
เมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) นายอนิล วาธวา เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดีย ประจำประเทศไทย และคณะ ร่วมกับ มูลนิธิพระนารายณ์ และอำเภอกะปง พร้อมผู้มีจิตรศรัทธาทั่วจังหวัดพังงา และจังหวัดใกล้เคียง ร่วมวางศิลาฤกษ์อาคารเทวสถานพระพิฆเนศ ณ เทวสถานพระนารายณ์ หมู่ 2 ต.เหล อ.กะปง จ.พังงา โดยการวางศิลาฤกษ์ในครั้งนี้ นายอนิล วาธวา และคณะ รวมทั้ง นายประกอบ ศรีทวี นายอำเภอกะปง ได้ทำการวางศิลาฤกษ์บริเวณฐานรากของเทวสถานตามแบบศาสนาฮินดู ก่อนที่พระครูบุญญาภินันท์ เจ้าอาวาสวัดป่าโมก ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา เกจิชื่อดังที่ปลุกเสกเหรียญรุ่นแรกให้แก่นายไมตรี บุญสูง ได้ทำการเจิม และวางศิลาฤกษ์ในแบบพุทธ นอกจากนั้น ยังมีพิธีพราหมณ์ จากประเทศอินเดีย รวมทั้งมาเลเซียมาร่วมประกอบพิธี
นายประกอบ ศรีทวี กล่าวว่า คำขวัญประจำอำเภอกะปงคือ “ม่านหมอกเมืองใต้ ผลไม้นานา พระนารายณ์ล้ำค้า ศรัทธาหลวงพ่อเซ่ง” ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพในศาสนสถานพราหมณ์ จำนวน 3 รูป คือ พระนารายณ์ พระลักษณ์ และนางสีดา พบศิลาจารึกเป็นภาษา และอักษรทมิฬโบราณ ลักษณะประติมากรรมเป็นรูปพระนารายณ์ประทับยืนอยู่กลาง รูปพระลักษณ์อยู่ด้านซ้าย และนางสีดา อยู่ด้านขวา ทั้งหมดแกะสลักจากหินชนวน เล่ากันว่าหลังจากพม่าเข้าตีเมืองตะกั่วป่า ชาวบ้านจึงอพยพหลบหนีไปอยู่ตามป่าเขาจนพม่าไล่ไม่ทัน และกลัวคนไทยโอบล้อมตีตลบหลังจึงถอนทัพกลับ และเคลื่อนย้ายเทวรูปทั้ง 3 ลง จากเขาพระนารายณ์ บรรทุกใส่เรือเพื่อนำกลับไปด้วย แต่เกิดเหตุอัศจรรย์มีพายุฝน และฟ้าคะนองอย่างหนักจนพม่าเกรงกลัวความศักดิ์สิทธิ์จึงทิ้งเทวรูปทั้งหมดไว้ที่โคนต้นตะแบกฝั่งตรงข้ามกับเขาพระนารายณ์ในปัจจุบัน พระนารายณ์ และพระลักษณ์ ได้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง จ.ภูเก็ต
นายนิรัตน์ บุญสูง รองประธารมูลนิธิพระนารายณ์ และอดีตนายกเทศมนตรีเมืองตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา กล่าวว่า เนื่องจากเทวรูปทั้ง 3 คือ สิ่งอันน่าภาคภูมิใจสำหรับชาวอำเภอกะปง และจังหวัดพังงา ทางมูลนิธิฯ จึงมีความมุ่งมั่น และพยายามรักษา แหล่งโบราณสถานแห่งนี้ให้คงอยู่ตลอดไป โดยการร่วมแรงร่วมใจกับชาวบ้าน และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อสร้างเทวสถานพระพิฆเนศขึ้น เพื่อให้ประชาชนที่เลื่อมใส ศรัทธาได้กราบไหว้บูชา พร้อมทั้งนำเทวรูปพระนารายณ์ที่แกะสลักด้วยหินแกรนิตจากประเทศอินเดียมาประดิษฐานก่อน หลังจากนั้น จะทำการขอองค์จริงกลับคืนต่อไป
เมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.) นายอนิล วาธวา เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดีย ประจำประเทศไทย และคณะ ร่วมกับ มูลนิธิพระนารายณ์ และอำเภอกะปง พร้อมผู้มีจิตรศรัทธาทั่วจังหวัดพังงา และจังหวัดใกล้เคียง ร่วมวางศิลาฤกษ์อาคารเทวสถานพระพิฆเนศ ณ เทวสถานพระนารายณ์ หมู่ 2 ต.เหล อ.กะปง จ.พังงา โดยการวางศิลาฤกษ์ในครั้งนี้ นายอนิล วาธวา และคณะ รวมทั้ง นายประกอบ ศรีทวี นายอำเภอกะปง ได้ทำการวางศิลาฤกษ์บริเวณฐานรากของเทวสถานตามแบบศาสนาฮินดู ก่อนที่พระครูบุญญาภินันท์ เจ้าอาวาสวัดป่าโมก ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา เกจิชื่อดังที่ปลุกเสกเหรียญรุ่นแรกให้แก่นายไมตรี บุญสูง ได้ทำการเจิม และวางศิลาฤกษ์ในแบบพุทธ นอกจากนั้น ยังมีพิธีพราหมณ์ จากประเทศอินเดีย รวมทั้งมาเลเซียมาร่วมประกอบพิธี
นายประกอบ ศรีทวี กล่าวว่า คำขวัญประจำอำเภอกะปงคือ “ม่านหมอกเมืองใต้ ผลไม้นานา พระนารายณ์ล้ำค้า ศรัทธาหลวงพ่อเซ่ง” ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพในศาสนสถานพราหมณ์ จำนวน 3 รูป คือ พระนารายณ์ พระลักษณ์ และนางสีดา พบศิลาจารึกเป็นภาษา และอักษรทมิฬโบราณ ลักษณะประติมากรรมเป็นรูปพระนารายณ์ประทับยืนอยู่กลาง รูปพระลักษณ์อยู่ด้านซ้าย และนางสีดา อยู่ด้านขวา ทั้งหมดแกะสลักจากหินชนวน เล่ากันว่าหลังจากพม่าเข้าตีเมืองตะกั่วป่า ชาวบ้านจึงอพยพหลบหนีไปอยู่ตามป่าเขาจนพม่าไล่ไม่ทัน และกลัวคนไทยโอบล้อมตีตลบหลังจึงถอนทัพกลับ และเคลื่อนย้ายเทวรูปทั้ง 3 ลง จากเขาพระนารายณ์ บรรทุกใส่เรือเพื่อนำกลับไปด้วย แต่เกิดเหตุอัศจรรย์มีพายุฝน และฟ้าคะนองอย่างหนักจนพม่าเกรงกลัวความศักดิ์สิทธิ์จึงทิ้งเทวรูปทั้งหมดไว้ที่โคนต้นตะแบกฝั่งตรงข้ามกับเขาพระนารายณ์ในปัจจุบัน พระนารายณ์ และพระลักษณ์ ได้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง จ.ภูเก็ต
นายนิรัตน์ บุญสูง รองประธารมูลนิธิพระนารายณ์ และอดีตนายกเทศมนตรีเมืองตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา กล่าวว่า เนื่องจากเทวรูปทั้ง 3 คือ สิ่งอันน่าภาคภูมิใจสำหรับชาวอำเภอกะปง และจังหวัดพังงา ทางมูลนิธิฯ จึงมีความมุ่งมั่น และพยายามรักษา แหล่งโบราณสถานแห่งนี้ให้คงอยู่ตลอดไป โดยการร่วมแรงร่วมใจกับชาวบ้าน และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อสร้างเทวสถานพระพิฆเนศขึ้น เพื่อให้ประชาชนที่เลื่อมใส ศรัทธาได้กราบไหว้บูชา พร้อมทั้งนำเทวรูปพระนารายณ์ที่แกะสลักด้วยหินแกรนิตจากประเทศอินเดียมาประดิษฐานก่อน หลังจากนั้น จะทำการขอองค์จริงกลับคืนต่อไป
