xs
xsm
sm
md
lg

บ่อนการพนัน ยาเสพติด และการค้ามนุษย์ที่ปลายด้ามขวาน / ไชยยงค์ มณีพิลึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก
 
เหตุการณ์ที่ตำรวจ กก.6 กองปราบ บุกเข้าจับกุมบ่อนการพนันรายหนึ่งที่เปิดเล่นกันในสวนยาง เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้เจ้าของท้องที่อย่าง พ.ต.อ.อดิเรก บือราเฮง ผกก.สภ.หาดใหญ่ และลูกน้องอีก 5 คน ถูกเด้งด่วนไปช่วยราชการอย่างไม่มีกำหนด ถือเป็นข่าวดังประจำ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ว่าได้ เพราะนานมาแล้วที่ตำรวจระดับ 5 เสือของโรงพักถูกย้ายแบบ “ยกชุด” จากการจับ “บ่อน” ไม่เคยเกิดขึ้น
 
โดยข้อเท็จจริง บ่อนการพนันในเมืองหาดใหญ่ถูกเปิดให้เล่นกันมาทุกยุคทุกสมัย แม้แต่ในจังหวะที่มีการบุกจับบ่อนใหญ่ๆ ใน กทม. กันโครมๆ บ่อนในเมืองหาดใหญ่ก็เปิดให้บริการลูกค้ากันอยู่ ก่อนหน้านี้ประมาณ 3 เดือน บ่อนใหญ่ๆ อย่างน้อย 4 บ่อนเปิดเล่นกันในเมือง และในโรงแรมชั้น 13 แห่งหนึ่ง โดยไม่หวั่นกับการจับกุม จนถึงขนาดที่ “คนเชียร์แขก” ประจำบ่อนถึงกับเชื้อเชิญรองผู้ว่าฯ ขึ้นไปเล่น จนเป็นข่าวฮือฮามาแล้ว
 
หากไม่มีเรื่องอื้อฉาวที่เกิดจากการจับบ่อน วันนี้เมืองหาดใหญ่คงจะมีบ่อนบนโรงแรมหรู เพราะมีการเช่าทั้งชั้นไว้แล้วเพื่อเปิดบ่อนบริการขาใหญ่โดยเฉพาะ!!
 
ก่อนหน้านี้ มีปัญหาการ “เหยียบตาปลา” เกิดขึ้น จนมีคำสั่งให้บ่อนในเมืองหยุดชั่วคราว เพื่อ “เคลียร์เส้นทาง” กันใหม่ แต่หยุดได้ไม่นาน นายตำรวจระดับ “พล.ต.ต.” ที่ใกล้เกษียณก็มีคำสั่งให้เปิดบ่อนได้อีกครั้ง โดยมีข้อแม้ว่าต้องเป็น “บ่อนวิ่ง” และเล่นในแถบชานเมือง และที่สำคัญการ “เคลียร์เส้นทาง” หรือ “ส่วย” เป็นเรื่องของแต่ละหน่วยไปจัดการเอาเอง ไม่มี “กองกลาง” เพื่อจ่ายให้หน่วยอื่นๆ อย่างที่แล้วมา
 
นั่นคือเหตุผลของการที่บ่อนในป่ายางถูก “กองปราบ” บุกเข้าจับกุม และนั่นคือสาเหตุที่ต้องเด้งตำรวจหาดใหญ่ 6 นาย ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนอนุญาตให้มีบ่อนในพื้นที่ เพราะคนที่อนุญาตให้มีบ่อนวิ่งไม่ได้จ่ายให้หน่วยอื่นๆ นั่นเอง!!
 
โดยข้อเท็จจริงอีกนั่นแหละที่ระบุว่า บ่อนการพนันไม่ได้มีที่  อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพียงที่เดียว แต่มีอยู่ทุกมากมายเช่นใน อ.เมือง จ.สงขลา มีบ่อนใน ต.บ่อยาง ที่เป็นของ “นักการเมืองท้องถิ่น” ใน อ.สะเดา ทั้งในเขตเทศบาลเมืองสะเดา และใน ต.สำนักขามใกล้ชายแดนมาเลเซียมีบ่อนใหญ่ถึง 3 บ่อน และมีบ่อนประจำถิ่นของ “โกอั้ง” ที่ไม่เคยปิดอยู่อีก 1 บ่อน เป็นต้น
 
สิ่งที่เป็นเหตุให้ชวนสงสัยคือ ทำไมตำรวจกองปราบ และหน่วยอื่นๆ จึงไม่ทำการจับกุม หรือกวาดล้างให้เป็นตัวอย่าง เพื่อที่จะได้เด้ง 5 เสือประจำโรงพักเหมือนกับการจับกุมและเด้ง 6 เสือของโรงพักหาดใหญ่ เพื่อที่หนังสือพิมพ์จะได้มีข่าวดัง พาดหัวประจานความเลอะเทอะของตำรวจให้ประชาชนได้รับรู้ให้มากๆ
 
เช่นเดียวกับบ่อนใหญ่ๆ ที่ อ.ละงู จ.สตูล ซึ่งเปิดเย้ยฟ้าท้าตำรวจ และบ่อนใน อ.เมืองสตูลก็ยังเปิดให้เล่นได้เสียกันทุกวัน หรือบ่อนในเขต จ.พัทลุง ที่เปิดกันหลายแห่ง จนเป็นเหตุให้ตำรวจนายหนึ่งเกือบต้องจบชีวิตลง และที่ชัดเจนคือ บ่อนกลางเมืองยะลา และบ่อนที่เมืองตรัง เป็นต้น
 
ทำไม่กองปราบจึงไม่ไปจับ นี่ต่างหากที่เป็นข้อกังขาเกี่ยวกับการจับกุมบ่อนการพนันที่ถือเป็นอบายมุขอย่างหนึ่งในหลายๆ อย่าง?!
 
นอกจากบ่อนการพนันแล้ว จ.สงขลา ยังมีเรืองสำคัญที่ตำรวจท้องที่ และตำรวจกองปราบควรให้ความสนใจในการกวาดล้าง และจับกุม นั่นคือ เรื่องของการค้ายาเสพติดที่ระบาดไปทั่ว ทั้งในเมืองและนอกเมือง โดยเฉพาะใน อ.หาดใหญ่ อ.เมือง และ อ.สะเดา
 
สำหรับ อ.สะเดานั้น เขตเทศบาลสำนักขาม ชายแดนไทย-มาเลเซีย คือ แหล่งใหญ่ของการค้ายาเสพติด ซึ่งมีทุกประเภท มีทุกรูปแบบ เป็นแหล่งค้า แหล่งเสพ ที่มีชาวต่างประเทศเป็นทั้งนายทุนร่วม นายทุนใหญ่ ในขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ
 
เช่นเดียวกับเรื่องการค้ามนุษย์ ที่ จ.สงขลา ถูกสหประชาชาติขึ้นบัญชีดำว่า เป็นแหล่งค้ามนุษย์  1 ใน 6 จังหวัดของประเทศ และแหล่งการค้ามนุษย์ก็อยู่ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ อ.เมือง และ อ.สะเดา โดยเฉพาะ ต.สำนักขาม บ้านด่านนอก หรือ “จังโหลน” คือ แหล่งค้ามนุษย์รายใหญ่ที่สุดใน จ.สงขลา จะเอามนุษย์แบบไหนมีทั้งนั้น เช่น หญิงลาว หญิงพม่า หญิงเขมร หญิงจีนแผ่นดินใหญ่ หญิงจีนฮ่อ หรือชาติอื่นๆ ซึ่งมีนายทุนทำกันเป็นขบวนการ ทั้งคนในประเทศ และต่างประเทศ แต่นานๆ ครั้งจึงจะมีการจับกุมให้เป็นข่าว
 
โดยทุกๆ เดือนจะมีเจ้าหน้าที่รัฐจากหน่วยงานต่างๆ 21 หน่วยที่เดินทางไปรับ “ซอง” จากเจ้าของกิจการ ซึ่งคงไม่มีใครกล้าตอบว่าเป็น ซองผ้าป่า หรือซองกฐิน แต่เจ้าของกิจการ “ค้าคน” บอกว่าเป็นซองใส่เงิน “เก๋าเจี๊ยะ” เพื่อให้พวก “เก๋าเจ้ง” มันกิน มันจะได้ไม่มาเห่าหอนให้รำคาญใจ!!
 
อีกปัญหาหนึ่งที่มีการสงสัยว่า ทำไมกองปราบจึงไม่กระตือรือร้นในการจับกุมคือ ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ทั้งทางบก ทางทะเล ซึ่งเต็มไปหมดในพื้นที่ จ.สงขลา เดินไปไหนก็เจอผู้ลักลอบค้า และขายน้ำมันเถื่อน จะเอาแบบเป็นคันรถ หรือเป็นลำเรือก็มีให้เลือก แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีการจับกุมให้เป็นข่าวโด่งดัง เพื่อสร้างผลงาน และเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน
 
ถ้านำเอาเรื่องบ่อนการพนันมาเปรียบเทียบกับเรื่องยาเสพติด เรื่องน้ำมันเถื่อน เรื่องการค้ามนุษย์ เพื่อมาจัดเรียงลำดับความสำคัญ จะเห็นว่าเรื่องของบ่อนกับเรื่องของหวยเป็นเรื่องที่มาทีหลัง แม้ว่าจะเป็นเรื่องการทำผิดกฎหมายเหมือนกัน แต่แปลกที่มีการให้ความสำคัญกับบ่อน และหวยมากกว่าเรื่องอื่นๆ ที่มีความร้ายแรงต่อสังคมมากกว่า
 
จากการตรวจสอบจึงพบว่า ที่ตำรวจให้ความสำคัญกับเรื่องบ่อน และเรื่องหวย มากกว่าเรื่องยาเสพติด น้ำมันเถื่อน และการค้ามนุษย์ เป็นเพราะบ่อน และหวยมีการจ่าย “ส่วย” ที่มีตัวเลข 7 หลักขึ้นไป เช่น บ่อนในเมืองหาดใหญ่ หรือในเมืองสะเดา ต้องจ่าย 3-5 ล้านต่อบ่อนต่อเดือน ดังนั้น เมื่อรายได้ตรงนี้หายไป หน่วยที่เคยได้รับจึงเดือดร้อน และเมื่อมีการเปิดบ่อนวิ่งโดยไม่ “จ่าย” เหมือนเดิม จึงต้องจัดการด้วยการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง
 
ที่เขียนมาทั้งหมดไม่ได้อิจฉาตาร้อนในโชคลาภตัวเลข 7 หลักกับเขาหรอก แต่ต้องการให้ตำรวจ ทั้งท้องที่ และกองปราบ ให้ความสนใจกับเรื่องการค้ายาเสพติด น้ำมันเถื่อน และค้ามนุษย์ ให้เหมือนกับให้ความสนใจในเรื่องของการเปิดบ่อนการพนัน และกล้าที่จะบุกเข้าจับกุมเหมือนกับการจับบ่อน ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง เพราะยาเสพติด การค้ามนุษย์ และขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน คือ ขบวนการที่ทำลายชาติอย่างร้ายแรงยิ่งกว่าบ่อนการพนันในสวนยางเป็นไหนๆ
 
หรือใครจะเถียงว่าไม่จริง!!
 
สุดท้ายแล้วเรื่องจับบ่อนที่หาดใหญ่เป็นเรื่อง “แบ่งปันผลประโยชน์ไม่ลงตัว” ของพวกเดียว แต่ต่างหน่วยกัน และเป็นเรื่อง “กินคนเดียว” ของคนใกล้เกษียณบางคน สุดท้าย 6 เสือโรงพักหาดใหญ่จึงต้องกลายเป็น “แพะ” เพื่อสังเวยการจ่าย “ส่วย” ที่ไม่ทั่วถึง อย่างที่มีการนินทากันที่ใต้ถุนโรงพัก??!!
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น