ระนอง - ทหารระนอง จับ 2 หนุ่มใหญ่ลอบขนใบกระท่อม ยึดของกลางน้ำหนัก 70 กิโลกรัม รับซื้อมาจากนครศรีธรรมราช ส่งขายลูกค้าที่ระนอง ราคากิโลละ 500 บาท พร้อมขยายผลจับผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 2 คน พร้อมใบกระท่อมซุกหมอนอีก 20 กิโลกรัม
วันนี้ (17 พ.ค.) ร.อ.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม ผบ.ร้อย ร.2521 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 (ฉก.ร.25) กองกำลังเทพสตรี นำกำลัง ร่วมกับตำรวจปราบปรามยาเสพติด สังกัดตำรวจภูธรจังหวัดระนอง จับกุมตัว นายสมหมาย รอดแก้ว อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/1 ม.1 ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง และนายลาภยศ ทับวิเชียร อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98 ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมยึดของกลางใบกระท่อมสด 70 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ย จำนวน 6 กระสอบ และรถยนต์เก๋งฮุนได สีเขียว หมายเลขทะเบียน กต 2684 ชลบุรี จำนวน 1 คัน
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า จะมีการนำยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (พืชกระท่อม) เข้ามาในพื้นที่มากับรถยนต์คันดังกล่าว จึงขอทำการตรวจค้นอย่างละเอียด พบใบกระท่อม จำนวน 70 กิโลกรัม 6 กระสอบวางอยู่ที่ด้านเบาะหลังรถยนต์ซุกซ่อนอยู่ จึงนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ กองร้อย ร.2521 อ.เมืองระนอง จ.ระนอง
จากการสอบสวนในเบื้องต้น พบว่า ทั้ง 2 คน เป็นเพื่อนกัน ซึ่งนายลาภยศ ทับวิเชียร ยอมรับว่า กระท่อมดังกล่าวเป็นของตนกับนายสมหมาย ร่วมกันซื้อมาจากอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในราคา กก.ละ 250 บาท นำมาขายส่งในราคา กก.ละ 500 บาท ให้แก่ลูกค้าที่จังหวัดระนอง รับทำมา 3 ครั้งแล้ว เนื่องจากตนเองไม่มีอาชีพ
จากนั้นได้ทำการขยายผลไปที่บริเวณซอย 9 บ้านเช่าเลขที่ 258/38 ม.6 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง โดยมีนายระแวง สุวรรณปักขิณ อายุ 58 ปี และนายพงมิตร ยอดพงษา อายุ 53 ปี อยู่ที่บ้าน เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าทำการตรวจค้น พบใบกระท่อมสด น้ำหนักรวม 22 กก ซุกไว้ในปลอกหมอน และหมอนข้าง โดยนำไปซุกซ่อนไว้ที่ใต้เตียงบริเวณที่ขนำท้ายคลองหลังบ้านเช่าดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการนำตัวมาสอบสวนที่กองร้อย ร.2521 อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ซึ่งทั้งคู่เป็นพ่อตา ลูกเขย ร่วมกันขายใบกระท่อมสด ให้แก่วัยรุ่น และผู้ใช้แรงงานต่างด้าวในพื้นที่ที่ต้องการซื้อเพื่อนำไปทำเป็นกระท่อมผงโดยจำหน่ายเป็นถุงเล็ก ถุงละ 50 บาท มีใบกระท่อม จำนวน 13-14 ใบ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อหาทั้งหมดร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พร้อมยึดรถยนต์ที่ใช้กระทำความผิด จากนั้นจะได้ส่งตัวทั้งหมดให้แก่ร้อยเวรพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (17 พ.ค.) ร.อ.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม ผบ.ร้อย ร.2521 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 (ฉก.ร.25) กองกำลังเทพสตรี นำกำลัง ร่วมกับตำรวจปราบปรามยาเสพติด สังกัดตำรวจภูธรจังหวัดระนอง จับกุมตัว นายสมหมาย รอดแก้ว อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/1 ม.1 ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง และนายลาภยศ ทับวิเชียร อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98 ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมยึดของกลางใบกระท่อมสด 70 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ย จำนวน 6 กระสอบ และรถยนต์เก๋งฮุนได สีเขียว หมายเลขทะเบียน กต 2684 ชลบุรี จำนวน 1 คัน
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า จะมีการนำยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (พืชกระท่อม) เข้ามาในพื้นที่มากับรถยนต์คันดังกล่าว จึงขอทำการตรวจค้นอย่างละเอียด พบใบกระท่อม จำนวน 70 กิโลกรัม 6 กระสอบวางอยู่ที่ด้านเบาะหลังรถยนต์ซุกซ่อนอยู่ จึงนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ กองร้อย ร.2521 อ.เมืองระนอง จ.ระนอง
จากการสอบสวนในเบื้องต้น พบว่า ทั้ง 2 คน เป็นเพื่อนกัน ซึ่งนายลาภยศ ทับวิเชียร ยอมรับว่า กระท่อมดังกล่าวเป็นของตนกับนายสมหมาย ร่วมกันซื้อมาจากอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในราคา กก.ละ 250 บาท นำมาขายส่งในราคา กก.ละ 500 บาท ให้แก่ลูกค้าที่จังหวัดระนอง รับทำมา 3 ครั้งแล้ว เนื่องจากตนเองไม่มีอาชีพ
จากนั้นได้ทำการขยายผลไปที่บริเวณซอย 9 บ้านเช่าเลขที่ 258/38 ม.6 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง โดยมีนายระแวง สุวรรณปักขิณ อายุ 58 ปี และนายพงมิตร ยอดพงษา อายุ 53 ปี อยู่ที่บ้าน เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าทำการตรวจค้น พบใบกระท่อมสด น้ำหนักรวม 22 กก ซุกไว้ในปลอกหมอน และหมอนข้าง โดยนำไปซุกซ่อนไว้ที่ใต้เตียงบริเวณที่ขนำท้ายคลองหลังบ้านเช่าดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการนำตัวมาสอบสวนที่กองร้อย ร.2521 อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ซึ่งทั้งคู่เป็นพ่อตา ลูกเขย ร่วมกันขายใบกระท่อมสด ให้แก่วัยรุ่น และผู้ใช้แรงงานต่างด้าวในพื้นที่ที่ต้องการซื้อเพื่อนำไปทำเป็นกระท่อมผงโดยจำหน่ายเป็นถุงเล็ก ถุงละ 50 บาท มีใบกระท่อม จำนวน 13-14 ใบ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อหาทั้งหมดร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (พืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พร้อมยึดรถยนต์ที่ใช้กระทำความผิด จากนั้นจะได้ส่งตัวทั้งหมดให้แก่ร้อยเวรพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป