ปัตตานี - แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งเปิดแผน “พรานไพร” ให้เจ้าหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ จ.สงขลา ดูแลความปลอดภัยครูอย่างเข้มงวด รับมือช่วงเปิดเทอม
วานนี้ (15 พ.ค.) ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดย พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งเปิดแผน “พรานไพร” ให้หน่วยกำลังในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ จ.สงขลา ดูแลความปลอดภัยครูอย่างเข้มงวด 100% พร้อมกับจัดตั้งชุดไล่ล่ากดดันกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง และแนวร่วมในพื้นที่ออกปิดล้อมตรวจค้นทุกวัน การตั้งจุดตรวจ และลาดตระเวนเส้นทาง ซึ่งแผนดังกล่าวถือเป็นการปฏิบัติร่วมระหว่าง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมไปถึงภาคประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ก็เพื่อกดดันคนร้ายไม่ให้มีโอกาสก่อเหตุร้ายในช่วงเปิดภาคเรียนในวันนี้ (16 พ.ค.) และแผนดังกล่าวจะยังคงใช้อย่างต่อเนื่องต่อไป
ด้าน จ.ปัตตานี หน่วยกำลังใน จ.ปัตตานี ได้มีการคุมเข้มเป็นพิเศษตลอดทั้งวันทั้งคืน เพื่อปิดช่องว่างไม่ให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงออกมาก่อเหตุในวันเปิดเรียนวันแรก เช่นเดียวกัน ตามจุดตรวจจุดสกัดใน จ.ปัตตานี มีการตรวจเข้มรถทุกชนิด
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ในที่ประชุมแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการเน้นย้ำในการดูแลความปลอดภัยครูจะต้องให้ความสำคัญเท่ากันทุกชีวิตไม่ว่าจะนับถือศาสนาพุทธ หรือมุสลิม หรือโรงเรียนรัฐ เอกชน รวมไปถึงโรงเรียนปอเนาะ ทุกคนจะได้รับการดูแลที่เหมือนกัน ส่วนขวัญกำลังใจครูนั้น จากการที่ได้ร่วมประชุมพูดคุยกับเขตพื้นที่การศึกษา และสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พบว่าสิ่งที่เป็นจุดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร หรือการเกรงอกเกรงใจกัน ก็ได้มีการสร้างความเข้าใจกับครู โดยเฉพาะการปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกันของแต่ละพื้นที่ เนื่องจากแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยกำลังในพื้นที่กับความต้องการของครู รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงในพื้นที่ และปัจจัยเสี่ยงของครูด้วย
ส่วนเหตุข่มขู่ หรือซุ่มยิงหน่วยแพทย์ในพื้นที่ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น เป็นครั้งแรกที่ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้อาวุธปืนยิงขู่เพื่อสร้างสถานการณ์ จริงแล้วโดยหลักสากลหน่วยแพทย์ต้องได้รับการดูแล และต้องไม่ถูกกระทำจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะที่ผ่านมา หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ได้เข้าไปดูแลประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ที่หน่วยแพทย์พลเรือนไม่สามารถเข้าไปได้ ในช่วงที่ผ่านมา ได้รับการยอมรับจากประชาชนอย่างกว้างขวาง จึงอยากจะเรียกร้องให้ประณามการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นการกระทำที่สวนทางกับความต้องการของประชาชนอย่างชัดเจน
วานนี้ (15 พ.ค.) ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดย พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งเปิดแผน “พรานไพร” ให้หน่วยกำลังในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ จ.สงขลา ดูแลความปลอดภัยครูอย่างเข้มงวด 100% พร้อมกับจัดตั้งชุดไล่ล่ากดดันกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง และแนวร่วมในพื้นที่ออกปิดล้อมตรวจค้นทุกวัน การตั้งจุดตรวจ และลาดตระเวนเส้นทาง ซึ่งแผนดังกล่าวถือเป็นการปฏิบัติร่วมระหว่าง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมไปถึงภาคประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ก็เพื่อกดดันคนร้ายไม่ให้มีโอกาสก่อเหตุร้ายในช่วงเปิดภาคเรียนในวันนี้ (16 พ.ค.) และแผนดังกล่าวจะยังคงใช้อย่างต่อเนื่องต่อไป
ด้าน จ.ปัตตานี หน่วยกำลังใน จ.ปัตตานี ได้มีการคุมเข้มเป็นพิเศษตลอดทั้งวันทั้งคืน เพื่อปิดช่องว่างไม่ให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงออกมาก่อเหตุในวันเปิดเรียนวันแรก เช่นเดียวกัน ตามจุดตรวจจุดสกัดใน จ.ปัตตานี มีการตรวจเข้มรถทุกชนิด
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ในที่ประชุมแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการเน้นย้ำในการดูแลความปลอดภัยครูจะต้องให้ความสำคัญเท่ากันทุกชีวิตไม่ว่าจะนับถือศาสนาพุทธ หรือมุสลิม หรือโรงเรียนรัฐ เอกชน รวมไปถึงโรงเรียนปอเนาะ ทุกคนจะได้รับการดูแลที่เหมือนกัน ส่วนขวัญกำลังใจครูนั้น จากการที่ได้ร่วมประชุมพูดคุยกับเขตพื้นที่การศึกษา และสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พบว่าสิ่งที่เป็นจุดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร หรือการเกรงอกเกรงใจกัน ก็ได้มีการสร้างความเข้าใจกับครู โดยเฉพาะการปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกันของแต่ละพื้นที่ เนื่องจากแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยกำลังในพื้นที่กับความต้องการของครู รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงในพื้นที่ และปัจจัยเสี่ยงของครูด้วย
ส่วนเหตุข่มขู่ หรือซุ่มยิงหน่วยแพทย์ในพื้นที่ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น เป็นครั้งแรกที่ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้อาวุธปืนยิงขู่เพื่อสร้างสถานการณ์ จริงแล้วโดยหลักสากลหน่วยแพทย์ต้องได้รับการดูแล และต้องไม่ถูกกระทำจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะที่ผ่านมา หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ได้เข้าไปดูแลประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ที่หน่วยแพทย์พลเรือนไม่สามารถเข้าไปได้ ในช่วงที่ผ่านมา ได้รับการยอมรับจากประชาชนอย่างกว้างขวาง จึงอยากจะเรียกร้องให้ประณามการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นการกระทำที่สวนทางกับความต้องการของประชาชนอย่างชัดเจน
