ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กลุ่มแท็กซี่สมาชิกสหกรณ์บริการธุรกิจและท่องเที่ยวมุกอันดามัน ยืนหนังสือขอความเป็นธรรมผู้ว่าฯ ภูเก็ต ขอเข้าไปรับผู้โดยสารในสนามบินภูเก็ต 50 คัน ตามที่ได้ตกลงกันไว้ เผยเคยถูกทำร้ายร่างกายจากแท็กซี่อิทธิพลอยู่เนืองๆ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (10 พ.ค.) นายทรงธรรม เมฆมณี ประธานฯ นายอิทธิพล เมฆตะนี เลขาฯ และสมาชิกสหกรณ์บริการธุรกิจและท่องเที่ยวมุกอันดามัน จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรถแท็กซี่จำนวนหนึ่ง เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต เพื่อให้ทางสมาชิกของสหกรณ์ฯ สามารถนำรถแท็กซี่ไปให้บริการรับผู้โดยสารที่สนามบินภูเก็ตโดยการวิ่งต่อท้ายบริษัท ภูเก็ตไม้ขาวสาคู จำกัด และสหกรณ์บริการรถยนต์บริการภูเก็ต จำนวน 50 คัน ตามที่ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ไว้ก่อนหน้าแล้ว เพื่อแก้ปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำที่สนามบินภูเก็ต แต่จนถึงขณะนี้ สมาชิกของสหกรณ์ฯ มุกอันดามันยังไม่สามารถที่จะนำรถเข้าไปรับนักท่องเที่ยวที่สนามบินภูเก็ตได้
การมายืนหนังสือในครั้งนี้ ทางสหกรณ์ฯ ได้นำสมาชิกที่เข้าไปรับผู้โดยสารที่สนามบิน แต่ถูกกลุ่มแท็กซี่ที่มีอิทธิพลในสนามบินภูเก็ตทำร้ายร่างกาย มาให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และฝากถึง ผอ.การท่าฯ ภูเก็ตด้วยว่า ปล่อยเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร โดยกลุ่มสมาชิกฯ ที่มายื่นหนังสือในวันนี้ระบุว่า กลุ่มมุกอันดามันไม่สามารถที่จะเข้าไปทำมาหากินที่สนามบินภูเก็ตได้เลยในขณะนี้ จะถูกกลุ่มแท็กซี่ที่มีอิทธิพลทำร้ายร่างกายมาแล้ว 4-5 ราย บางรายก็ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.ท่าฉัตรไชย บางรายก็ไม่กล้าไปแจ้งความ เพราะกลัวกลุ่มแท็กซี่อิทธิพลกลุ่มนี้
นายทรงธรรม เมฆมณี ประธานสหกรณ์บริการธุรกิจและท่องเที่ยวมุกอันดามัน กล่าวว่า การมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในวันนี้ เนื่องจากแท็กซี่กลุ่มสหกรณ์ฯ มุกอันดามัน ได้รับความเดือดร้อนมาก ไม่สามารถเข้าไปรับผู้โดยสารที่สนามบินภูเก็ตได้ ทั้งๆ ที่ผ่านมา ทางกลุ่มมุกอันดามันได้ปฏิบัติตามที่ทางจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดทุกประการ ล่าสุด มีการประชุมร่วมกันที่ขนส่งจังหวัดภูเก็ต ได้ข้อสรุปว่าจะให้สมาชิกกลุ่มสหกรณ์ฯ มุกอันดามันนำรถแท็กซี่ไปรับผู้โดยสารต่อท้าย บริษัท ภูเก็ตไม้ขาวสาคู จำกัด จำนวน 25 คัน โดยที่ทางขนส่งจังหวัดภูเก็ตจะเป็นผู้ประสานงานให้เรื่องของรุ่นรถที่จะนำไปรับผู้โดยสาร ซึ่งทางกลุ่มได้ส่งรายละเอียดไปให้ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ ทางกลุ่มก็ยังไม่สามารถนำรถไปรับผู้โดยสารได้ โดยทางบริษัท ภูเก็ตไม้ขาวสาคู ให้เหตุผลว่าไม่สามารถรับรถได้ทั้งหมด 25 คัน เนื่องจากขณะนี้มีรถแท็กซี่ในพื้นที่วิ่งต่อท้ายอยู่แล้ว สามารถรับรถของกลุ่มอันดามันได้เพียงครึ่งเดียว หรือ 12 คันเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะให้ไปวิ่งต่อท้ายสหกรณ์บริการรถยนต์บริการภูเก็ต ซึ่งจะมีการหารือกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเหตุผลดังกล่าวเป็นเพียงการถ่วงเวลา และเป็นการกีดกันไม่ให้รถของสมาชิกมุกอันดามันเข้าไปรับผู้โดยสารเท่านั้น
“ขณะนี้สมาชิกได้รับความเดือดร้อนมาก เมื่อไม่สามารถนำรถไปรับผู้โดยสารได้ ทำให้ขาดรายได้ในการผ่อนชำระค่างวดรถยนต์ ไม่มีรายได้ในการเลี้ยงครอบครัว ทั้งๆ ที่เป็นคนในพื้นที่ไม้ขาว จึงอยากจะขอความเป็นธรรมต่อทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในการดำเนินการให้รถของสมาชิกฯ มุกอันดามันเข้าไปวิ่งได้ จำนวน 50 คัน ตามที่ได้มีการลงนาม MOU กันไว้แล้ว และหากไม่สามารถวิ่งต่อท้ายทั้ง 2 บริษัทได้ ก็ขอให้ทางกลุ่มได้เข้าไปรับผู้โดยสารด้วยการตั้งเคาน์เตอร์ หรือตั้งโต๊ะรับผู้โดยสารในสนามบิน เพื่อที่จะให้สมาชิกของกลุ่มได้ทำมาหากินในสนามบินภูเก็ตได้ เพราะสมาชิกของกลุ่มก็เป็นคนในพื้นที่ทั้งนั้น”
ขณะที่ นายมุอัมมะการี จ๊ะเต๊ะ อยู่บ้านเลขที่ 108/1 ม.9 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต สมาชิกสหกรณ์ฯ มุกอันดามัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ถูกกลุ่มแท็กซี่อิทธิพลสนามบินภูเก็ตทำร้ายร่างกาย เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2556 เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่ตนกำลังเดินอยู่ที่บริเวณประตูผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ เพื่อรอรับผู้โดยสารอยู่นั้น ก็ได้มีกลุ่มแท็กซี่ที่มีอิทธิพลที่สนามบินภูเก็ตประมาณ 4-5 คน ได้เข้ามาทำร้ายร่างกายตนจนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหู ไหล่ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ รปภ. ของสนามบินภูเก็ต โดยที่เจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด จนมีคนมาห้ามให้หยุด กลุ่มคนเหล่านั้นจึงหยุดทำร้ายตน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยมีเรื่องหมาดหมางกับใครที่สนามบินภูเก็ตมาก่อน ซึ่งการทำร้ายร่างกายตนในครั้งนี้ ก็เพื่อไม่ต้องการให้ตนเข้าไปรับผู้โดยสารที่สนามบินภูเก็ต
ด้านนายมาโนช เทียมแสน สมาชิกสหกรณ์ฯ มุกอันดามันอีกคนที่ถูกทำร้ายร่างกายที่สนามบินภูเก็ต เล่าว่า เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ขณะที่ตนเข้าไปเพื่อรับผู้โดยสารที่สนามบินภูเก็ต และยืนอยู่ใกล้ๆ กับเคาน์เตอร์แท็กซี่มิเตอร์ ได้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาถามหาแท็กซี่มิเตอร์ ตนจึงได้ชี้ให้นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวไปที่เคาน์เตอร์ มีกลุ่มแท็กซี่อิทธิพลในสนามบินภูเก็ต 3 คน ซื่อ รม กับ โอ่ และอีกคนไม่ทราบชื่อ เข้ามาทำร้ายร่างกายตนจนตาเขียว และหัวปูด ซึ่งตนก็ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด ซึ่งตนนั้นได้ทำมาหากินอยู่ที่สนามบินภูเก็ตเป็นเวลาหลายปีแล้ว หากไม่ให้ทำมาหากินที่สนามบินภูเก็ตก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปทำกินที่ไหน
ขณะที่นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังรับหนังสือ ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องใช้หลักการแบ่งปันการทำมาหากินซึ่งกันและกัน โดยทางผู้ว่าฯ จะหารือกับ ผอ.การท่าฯ ภูเก็ต ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาอีกครั้งหนึ่ง และได้มอบหมายให้นายจำเริญ ทิพยพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ดูแลดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป