พบศพหนุ่มนิรนามถูกยิงตายคาคูน้ำ เมืองคอน ตร.คาดขัดแย้งธุรกิจมืด

นครศรีธรรมราช - ชาวบ้านพบศพหนุ่มวัยรุ่นนิรนามถูกยิงเสียชีวิตในคูน้ำ ในซอยเปลี่ยว ต.ปากพูน อ.เมือง เจ้าหน้าที่คาดถูกลวงมาฆ่า โดยเจรจาธุรกิจมืดกันไม่ลงตัว

วันนี้ (7 พ.ค.) ร.ต.ท.ศรศักดิ์ ใบมิเด็น พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุพบศพคนถูกยิงเสียชีวิตอยู่ริมคูที่ถนนซอย ม.10 ต.ปากพูน อ.เมือง จากนั้นจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมือง พ.ต.ท.วุฒิพงษ์ ฐิติสโรช รอง ผกก.สส. นำกำลังตำรวจ แพทย์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิใต้เต็กตึ้ง รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อทำการชันสูตรศพ

ในที่เกิดเหตุริมคูน้ำซึ่งเป็นที่เปลี่ยวห่างไกลบ้านเรือนชาวบ้าน พบศพผู้เสียชีวิตเป็นชายฉกรรจ์ อายุประมาณ 25-30 ปี สูงประมาณ 165-170 ซม. ผิวดำแดง อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ สภาพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าหน้าอกเป็นรูพรุน ลำตัว และขาถูกกระสุนปืนแห่งละรู โดยไม่พบหลักฐานว่าผู้ตายเป็นใคร พบเพียงกระเป๋าเงินมีเงินสด 200-300 บาท และอีกฝั่งของคูน้ำห่างจากศพ 4-5 เมตร พบปลอกกระสุนปืนลูกซองตกอยู่ 1 ปลอก กระสุนที่ยังไม่ยิงตกอยู่อีก 2 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

พยานในย่านนั้นระบุต่อเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (7 พ.ค.) ประมาณหลังเที่ยงคืนได้ยินเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัดมาจากบริเวณที่เกิดเหตุ แต่ไม่มีใครออกไปดูเพราะอยู่ห่างไกล และไม่ค่อยมีคนผ่านไปมาในซอยดังกล่าว จนกระทั่งรุ่งเช้ามีชาวบ้านไปพบศพคนถูกยิงนอนฟุบเสียชีวิตอยู่แล้ว จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบในเวลาต่อมา ซึ่งลักษณะของการก่อเหตุของคนร้ายเหมือนกับเป็นการไล่ยิง แล้วผู้ตายกระโดดไปอีกฝั่งเพื่อหลบหนี ก่อนจะถูกคนร้ายยิงตามหลังจนล้มฟุบสิ้นใจตายทันที จากนั้นคนร้ายก็หลบหนีไป

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 3 คน ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ตำรวจสันนิฐานว่าน่าจะมาจากหักหลังกันเองในกลุ่มธุรกิจไม่เปิดเผย โดยคนร้ายลวงผู้ตายให้ออกมาพบในที่เกิดเหตุแล้วตกลงปัญหากัน แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงใช้ปืนยิงผู้ตายจนเสียชีวิต อีกประเด็นอาจจะมาจากโกรธแค้นส่วนตัว ซึ่งจะสอบสวนว่าผู้ตายเป็นใครหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนศพได้นำไปชันสูตรอีกครั้งที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ก่อนจะนำไปเก็บไว้ที่สุสานมูลนิธิใต้เต็กตึ้ง เพื่อรอญาติมารับไปจัดการตามประเพณีต่อไป