นครศรีธรรมราช - ฆ่าโหดสาวประเภท 2 หมกศพในห้องกลิ่นโชย เพื่อนมาพบผงะ ตำรวจเร่งล่าแฟนหนุ่มคู่ขาคาดเป็นมือสังหาร
วันนี้ (27 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. พ.ต.ท.คมศักดิ์ ชุมทอง พนักงานสอบสวรเวร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุพบศพถูกฆาตกรรมทิ้งอยู่ในห้องเช่าเลขที่ 1/4 หน้าวัดโพธิ์เสด็จ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช หลังจากรับแจ้ง จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก. พ.ต.ท.นิติ บุญจันทร์ รอง ผกก.หน.พนักงานสอบสวน พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ รอง ผกก.สส. กำลังเจ้าหน้าที่งานสืบสวน สายตรวจ แพทย์เวรชันสูตร รพ.มหาราช และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยไต้เต๊กตึ๊ง เข้าร่วมตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบว่าเป็นห้องเช่าชั้นเดียว หน้าบ้านเป็นประตูยืด มีกลิ่นเหม็นโชยออกมาจากบ้านอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่เข้าทำการตรวจสอบพบศพ ทราบชื่อภายหลังคือ นายฉัตรชัย โสพรรณรัตน์ หรือ “หัวมัน”อายุ 32 ปี อยู่ 96/3 หมู่ 12 ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช เป็นสาวประเภท 2 สภาพเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 48 ชั่วโมง ในที่เกิดเหตุพบร่องรอยการต่อสู้ข้าวของกระจัดกระจาย เลือดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
นายสิริชน เสือคำ อายุ 29 ปี เพื่อนผู้ตายระบุว่า นายฉัตรชัย มาเช่าบ้านหลังดังกล่าวอยู่กับหนุ่มรายหนึ่ง ส่วนตนเองนั้นพบกับนายฉัตรชัยครั้งสุดท้ายช่วงดึกของวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นหายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งก่อนพบศพนั้นได้เดินทางมาดูที่ห้องเช่าดังกล่าวด้วยตัวเอง และเมื่อมาไขประตูเหล็กหน้าบ้านกลับได้กลิ่นโชยออกมาอย่างรุนแรง และหลังบ้านมีรอยเลือดเยิ้มออกมาที่ประตูจึงโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ จนพบว่า นายฉัตรชัย เสียชีวิตไปแล้ว
“เขาไปขายเสื้อผ้าในถ้ำพรรณรา และมีหนุ่มคนหนึ่งมาติดพันจนมาอยู่ด้วยกัน อาจเกิดจากการทะเลาะวิวาทแล้วถึงขั้นลงมือสังหารจนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป ส่วนทรัพย์สินนั้นพบว่า มีเงินสดอยู่หลายพันบาทของผู้ตายหายไปด้วย” เพื่อนรายนี้ระบุ
ขณะที่ พ.ต.ท.นิติ บุญจันทร์ หัวหน้าพนักงานสอบสวนเปิดเผยว่า ชันสูตรพลิกศพพบว่า ผู้ตายถูกทำร้ายด้วยการใช้กระถางต้นไม้ทุบศีรษะ จากนั้นใช้ของมีคมปาดลำคอ แล้วแทงซ้ำบริเวณชายโครงขวาจนเสียชีวิต สอดคล้องกับพยานที่ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทเมื่อ 3 วันก่อน จากนั้นเงียบเสียงไปไม่มีใครสนใจ กระทั่งมีกลิ่นโชยออกมา และมีเพื่อนมาเปิดประตูจึงพบศพ ส่วนผู้ต้องสงสัยนั้นเป็นหนุ่มที่มาอยู่ด้วยกันกับผู้ตายขณะนี้ชุดสืบสวนได้ออกติดตามแล้ว
