ชุมพร-รถพ่วง 22 ล้อ บรรทุกปูนซีเมนต์มาเต็มคัน ซิ่งแหกโค้งร้อยศพที่ชุมพร ดับสยอง 1 รอดหวุดหวิด 1 ราย
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (5 พ.ค.) ร.ต.ท.นพรัตน์ พรรณรังสี ร้อยเวร สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งเหตุรถบรรทุกพลิกคว่ำบริเวณโค้งท่าสาน ถนนเพชรเกษม หมู่ 7 ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร มีคนติดอยู่ภายในรถต้องการความช่วยเหลือ จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพร หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
ที่เกิดเหตุเป็นโค้งอันตราย ที่ชาวบ้านเรียกว่า “โค้งร้อยศพ” ซึ่งเป็นโค้งหักศอกคล้ายรูปตัว Z บนถนนเพชรเกษม หลัก กม.ที่ 30-31 รอยต่อระหว่างจังหวัดชุมพร กับจังหวัดระนอง เจ้าหน้าที่พบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุหัวเก๋งสีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 70-3607 ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนตัวพ่วง ทะเบียนป้ายเหลือง 70-3608 ประจวบคีรีขันธ์ พลิกคว่ำอยู่ริมถนน มีกระสอบปูนซีเมนต์ชนิด 50 กก. ตกอยู่เกลื่อนถนน เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรทั้งสองฝั่งทั้งขาขึ้นและขาล่อง เพื่อเก็บกวาดผงปูนที่แตกกระจายทั่วพื้นเป็นบริเวณกว้างหวั่นจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
ส่วนที่บริเวณหัวเก๋งพบผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายใน 2 คน ทราบชื่อ นายอุดมศักดิ์ แก่นวารี อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 3 ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน จ.ชุมพร สภาพขาทั้งสองข้างอัดติดกับหัวเก๋ง สามารถพูดโต้ตอบกับทางเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนอีกรายทราบชื่อภายหลัง นายสราวุธ ทั่งปรานี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 11 ต.ชัยเกษม อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สภาพถูกอัดติดอยู่ด้านล่าง หายใจโรยริน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างตัดชิ้นส่วนของรถเพื่อช่วยนำร่างของทั้งสองคนออกมา แต่การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความลำบากเนื่องจากหัวเก๋งพลิกคว่ำถูกทับอยู่กับพื้นถนน จนในที่สุดหน่วยกู้ภัยก็สามารถนำตัวออกมาได้อย่างปลอดภัยเพียงคนเดียวคือ นายอุดมศักดิ์ ซึ่งมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนนายสราวุธ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตขณะทำการช่วยเหลือ
จากการสอบสวน นายอุดมศักดิ์ ให้การโดยอ้างว่า ตนเองเป็นลูกน้องเพิ่งมารับจ้างเป็นเด็กติดรถอยู่กับรถบรรทุกปูนคันดังกล่าว และเพิ่งทำงานมากับรถเพียงเที่ยวแรกเท่านั้น โดยก่อนเกิดเหตุ ได้เดินทางไปบรรทุกสินค้าเป็นปูนซีเมนต์มาจาก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อนำไปส่งปลายทางที่จังหวัดระนอง โดยมี นายสราวุธ ผู้ตาย เป็นคนขับ และเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งหักศอกรถได้เสียหลักพลิกคว่ำอยู่ในสภาพดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า รถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวคงขับมาด้วยความเร็ว และเมื่อเข้าโค้งซึ่งเป็นโค้งอันตรายหักข้อศอก ทำให้ตัวพ่วงซึ่งบรรทุกปูนซีเมนต์กระสอบมาสูงนูนเลยขอบกระบะจนเกิดอาการเหวี่ยง คนขับเกิดคงตกใจ และเหยียบเบรกทำให้ส่วนหางซึ่งมีน้ำหนักหนักมากดันส่วนตัวหัวเก๋งไถลตกลงข้างทาง และพลิกคว่ำ
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่าผู้รอดชีวิตที่อ้างว่าเป็นเพียงเด็กติดรถไม่ใช่คนขับ เนื่องจากสภาพที่พบในครั้งแรกผู้ตายถูกอัดติดอยู่ด้านล่างริมประตูด้านซ้าย ส่วนผู้ที่รอดชีวิตถูกอัดตัดอยู่ด้านบนฝั่งที่นั่งคนขับ ซึ่งจะต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (5 พ.ค.) ร.ต.ท.นพรัตน์ พรรณรังสี ร้อยเวร สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งเหตุรถบรรทุกพลิกคว่ำบริเวณโค้งท่าสาน ถนนเพชรเกษม หมู่ 7 ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร มีคนติดอยู่ภายในรถต้องการความช่วยเหลือ จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพร หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
ที่เกิดเหตุเป็นโค้งอันตราย ที่ชาวบ้านเรียกว่า “โค้งร้อยศพ” ซึ่งเป็นโค้งหักศอกคล้ายรูปตัว Z บนถนนเพชรเกษม หลัก กม.ที่ 30-31 รอยต่อระหว่างจังหวัดชุมพร กับจังหวัดระนอง เจ้าหน้าที่พบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุหัวเก๋งสีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 70-3607 ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนตัวพ่วง ทะเบียนป้ายเหลือง 70-3608 ประจวบคีรีขันธ์ พลิกคว่ำอยู่ริมถนน มีกระสอบปูนซีเมนต์ชนิด 50 กก. ตกอยู่เกลื่อนถนน เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรทั้งสองฝั่งทั้งขาขึ้นและขาล่อง เพื่อเก็บกวาดผงปูนที่แตกกระจายทั่วพื้นเป็นบริเวณกว้างหวั่นจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
ส่วนที่บริเวณหัวเก๋งพบผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายใน 2 คน ทราบชื่อ นายอุดมศักดิ์ แก่นวารี อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 3 ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน จ.ชุมพร สภาพขาทั้งสองข้างอัดติดกับหัวเก๋ง สามารถพูดโต้ตอบกับทางเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนอีกรายทราบชื่อภายหลัง นายสราวุธ ทั่งปรานี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 11 ต.ชัยเกษม อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สภาพถูกอัดติดอยู่ด้านล่าง หายใจโรยริน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างตัดชิ้นส่วนของรถเพื่อช่วยนำร่างของทั้งสองคนออกมา แต่การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความลำบากเนื่องจากหัวเก๋งพลิกคว่ำถูกทับอยู่กับพื้นถนน จนในที่สุดหน่วยกู้ภัยก็สามารถนำตัวออกมาได้อย่างปลอดภัยเพียงคนเดียวคือ นายอุดมศักดิ์ ซึ่งมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนนายสราวุธ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตขณะทำการช่วยเหลือ
จากการสอบสวน นายอุดมศักดิ์ ให้การโดยอ้างว่า ตนเองเป็นลูกน้องเพิ่งมารับจ้างเป็นเด็กติดรถอยู่กับรถบรรทุกปูนคันดังกล่าว และเพิ่งทำงานมากับรถเพียงเที่ยวแรกเท่านั้น โดยก่อนเกิดเหตุ ได้เดินทางไปบรรทุกสินค้าเป็นปูนซีเมนต์มาจาก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อนำไปส่งปลายทางที่จังหวัดระนอง โดยมี นายสราวุธ ผู้ตาย เป็นคนขับ และเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งหักศอกรถได้เสียหลักพลิกคว่ำอยู่ในสภาพดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า รถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวคงขับมาด้วยความเร็ว และเมื่อเข้าโค้งซึ่งเป็นโค้งอันตรายหักข้อศอก ทำให้ตัวพ่วงซึ่งบรรทุกปูนซีเมนต์กระสอบมาสูงนูนเลยขอบกระบะจนเกิดอาการเหวี่ยง คนขับเกิดคงตกใจ และเหยียบเบรกทำให้ส่วนหางซึ่งมีน้ำหนักหนักมากดันส่วนตัวหัวเก๋งไถลตกลงข้างทาง และพลิกคว่ำ
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่าผู้รอดชีวิตที่อ้างว่าเป็นเพียงเด็กติดรถไม่ใช่คนขับ เนื่องจากสภาพที่พบในครั้งแรกผู้ตายถูกอัดติดอยู่ด้านล่างริมประตูด้านซ้าย ส่วนผู้ที่รอดชีวิตถูกอัดตัดอยู่ด้านบนฝั่งที่นั่งคนขับ ซึ่งจะต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป