พัทลุง - ผู้โดยสารสาวแสบฉีดสเปรย์มอมยาคนขับรถตู้โดยสาร สายหาดใหญ่-ทุ่งสง หวังจะปลดสร้อยคอทองคำ โชคดีชาวบ้านช่วยไว้ทัน ขณะเดียวกัน ตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในรถตู้เจอฤทธิ์ยาตกค้างเกือบสลบ ระหว่างนำตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบสวน
วานนี้ (3 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุง เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจตู้ยามเอเชียเมืองพัทลุงรับแจ้งจากพลเมืองดีว่า คนขับรถตู้โดยสารหาดใหญ่-ทุ่งสง ถูกมมอมยาอาการสะลึมสะลืออยู่ริมถนนสายเชียตรงยูเทิร์นบ้านกาะแตระ ต.ท่าแต อ.เมือง หลังรับแจ้งจึงเดินทางตรวจสอบ พบรถยนต์ตู้สีขาวป้ายเหลืองหมายเลขทะเบียน 10-4096 นครศรีธรรมราช ทราบชื่อคนขับรถคือ นายสมพงษ์ ทองขำ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ม.2 ซ.บางแฟบพัฒนา 20 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
อยู่ในอาการอ่อนเพลียสะลึมสะลือ ชาวบ้านได้ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนที่ให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเร่งนำส่งโรงพยาบาลพัทลุง พร้อมควบคุมตัว นางน้อย (นามสมมติ) ผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยเพื่อสอบปากคำที่โรงพักเพิ่มเติม แต่ในขณะเดียวกัน จ.ส.ต.ยงมิตร หนูปราบ อายุ 39 ปี ที่เป็นพลขับรถสายตรวจ 191 เกิดวูบ และอ่อนเพลียเหมือนกับคนขับรถตู้หลังเข้าไปตรวจสอบในรถ เพื่อนตำรวจเลยต้องเปลี่ยนคนขับแล้วนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเพื่อให้แพทย์ช่วยเหลือ
ซึ่งหลังจากแพทย์ปฐมพยาบาลก็อาการดีขึ้น ส่วนนายสมพงษ์ ทองขำ คนขับรถตู้แพทย์ต้องให้นอนรอพักฟื้นดูอาการต่อ เพราะยังมีอาการแน่นหน้าอก และปวดท้องอย่างรุนแรง
และจากการสอบถาม นายสมพงษ์ ทองขำ คนขับรถตู้ผู้เสียหายหลังจากอาการดีขึ้นทราบว่า ขณะที่ขับรถตู้โดยสารมาจากคิว อ.หาดใหญ่ เพื่อไปรอรับคิวเช้าที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อขับมาถึงตรงเขตเทศบาลแม่ขรี อ.ตะโหมด นางน้อย ได้เรียกเพื่อโดยสารไปด้วย
และขณะขับมาได้สักระยะ นางน้อยก็มีอาการแปลก และเหลือบมาดูสร้อยคอทองคำของตนหนัก 1 บาท ที่แขวนห้อยคอเอาไว้ ซึ่งตนก็ไม่เอะใจ จนกระทั่งจู่ๆ ก็นางน้อยได้ฉีดสเปรย์น้ำหอมใส่ ตนจึงมีกาการอ่อนเพลีย และวูบ แล้วจอดรถเรียกชาวบ้านให้มาช่วยพร้อมกับเพื่อนรถตู้ที่ขับตามหลังมาโทร.แจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้การช่วยเหลือส่งโรงพยาบาลดังกล่าว
ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นางน้อย ซึ่งเป็นชาว อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช มาสอบสวนเพิ่มเติม แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด พร้อมเก็บตัวอย่างเครื่องสำอาง และเก็บอากาศภายในรถตู้ไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อหาสารออกฤทธิ์ดังกล่าวในเบื้องต้นต่อไป