ยะลา - ประชาชน จ.ยะลา เผยว่าขณะที่มีการพูดคุยสันติภาพอยู่ แต่เหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยิ่งทวีความรุนแรงมากกว่าเดิม แต่ยังคงเห็นด้วยกับ “การพูดคุยสันติภาพ” และอยากเห็นความรุนแรงในพื้นที่ลดลง เชื่อหากถอนกำลังทหารออก ประชาชนจะปลอดภัย
วันนี้ (23 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ยะลา ว่า ขณะที่ภาครัฐ โดย สมช.ยังคงเดินหน้าพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็น เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ยังเห็นด้วยในการพูดคุยสันติภาพ แต่ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง หรือความสูญเสียเพิ่มขึ้น
นางสุวรรณี เรืองฤทธิ์ ชาวบ้านพื้นที่ จ.ยะลา เปิดเผยว่า ขณะที่มีการพูดคุยสันติภาพอยู่ แต่เหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยิ่งทวีความรุนแรงมากกว่าเดิม ซึ่งการพูดคุยสันติภาพเป็นสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้เกิดขึ้น ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรในการแก้ปัญหาภาคใต้
แต่การพูดคุยอาจต้องใช้เวลา ซึ่งการพูดคุยกันเป็นระดับผู้ใหญ่ แต่ระดับผู้ใหญ่ที่จะสั่งการมาให้ผู้กระทำ และผู้ก่อเหตุ คำสั่งนั้นจะสามารถควบคุมคนของเขาได้เมื่อใด จะต้องใช้เวลานานเท่าใด นี่เป็นสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการจะทราบคำตอบ เพราะที่ผ่านมา เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นมากกว่าเดิมในระหว่างการพูดคุยเจรจา
ส่วน นางอังคณา ชุลีวัน ประชาชน ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา กล่าวว่า ยังคงเห็นด้วยกับการเจรจาพูดคุยสันติภาพ ถ้ามีการเจรจาจะได้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน ตั้งแต่อดีต ไม่มีอาวุธใดที่สำคัญเท่ากับการเจรจาพูดคุยกันในการแก้ปัญหา เมื่อพูดคุยกัน ยุติปัญหาความรุนแรงได้ ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติเหมือนสมัยก่อน พุทธมุสลิมอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ถ้ามีผู้ไม่เห็นด้วยกับสันติภาพ เราก็ต้องให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และโต๊ะอิหม่าม เข้ามาดูแลลูกบ้านของตนเอง และกำหนดว่าหากพื้นที่ใดไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงก็จะให้รางวัลแก่พื้นที่นั้น
“ถ้าไม่มีเหตุการณ์ในหมู่บ้านก็เชื่อว่าจะสามารถลดความหวาดระแวงลงไปได้ ถ้าถามถึงขณะนี้ที่ยังหวาดระแวงอยู่เพราะว่ามีทหารอยู่ในพื้นที่ ประชาชนก็ยิ่งหวาดระแวง สิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุดคือ ให้ถอนทหารออกจากพื้นที่เพราะถ้าไม่มีทหาร ประชาชนก็จะปลอดภัยมากขึ้น เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุยังพุ่งเป้าที่จะกระทำต่อ จนท.ภาครัฐ ส่วนการดูแลปกป้องคนในชุมชนนั้น ก็ต้องให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ดูแลลูกบ้านกันเอง” นางอัคณา ชุลีวัน กล่าว
